จากตอนที่แล้วหลังจากหมดภารกิจกับเมือง Aberdeen เราก็นั่งรถไฟจาก Aberdeen ตอนราว ๆ หกโมงกว่าไปลง Stirling เกือบ ๆ สามทุ่มค่ะ และด้วยความที่มา conference กับทางมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ เขาจึงจัดหาบริการรับส่งถึงที่ให้อย่างเรียบร้อย พอเดินทางถึงที่พักที่เขาจัดไว้ให้ก็นอนพักเลยค่ะ /ฮา มาต่างบ้านต่างเมืองเราว่าเหนื่อยสุดคือเรื่องของการเดินทางเลย ยิ่งถ้าเปลี่ยนที่พักวันสองวันย้ายเมืองเรื่อย ๆ แบบเรานี่ทำเอาแอบเพลีย...กระเป๋าใบใหญ่ ๆ กับผู้หญิงตัวเร้ก ๆ /ฮา
รีวิว Stirlingนี่คือของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทางมหาวิทยาลัยมอบไว้ให้สำหรับการ conference ครั้งนี้และเพื่อเป็นที่ระลึก
เรียนต่อ Stirling
อาหารเช้าก็ตามประสาชาวตะวันตกเลยค่ะ ไข่ แฮม เบคอน ขนมปัง เสร็จแล้วก็เตรียมตัวรอทำกิจกรรมแรกร่วมกันกับอีกหลาย ๆ คนที่ทางมหาวิทยาลัยได้เชิญมา เริ่มต้นก็มีพาไปดูแล็บของทางคณะ Natural Sciences ก่อน นอกจากแนะนำตัวคณะแล้วก็มีให้เรา ๆ ได้ทดลองหาดีเอ็นเอในผลกล้วยค่ะ เสร็จแล้วก็ได้ไปต่อกันที่แล็บเพาะพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำ ก่อนที่จะเข้าไปลุยก็ต้องทำตามกฎกันหน่อยค่า
นั่นก็คือ...สวมเจ้าสิ่งนี้
ถัดมาก็เป็น Campus Tour ค่ะ เริ่มต้นเลยก็คือให้เราแบ่งกลุ่มกันค่ะ กลุ่มละ 5-6 คน และให้ Ambassador ของทางมหาวิทยาลัยแต่ละคนนำทางแต่ละกลุ่ม พาทัวร์ตั้งแต่รอบนอกเข้าด้านใน และด้วยความที่มหาวิทยาลัยจะอยู่ไกลตัวเมืองหน่อย ทำให้ภายในตัวมหาวิทยาลัยเองมี supermarket เล็ก ๆ อยู่ด้วย ถึงจะใช้คำว่าเล็กแต่จริง ๆ ก็มีของเยอะและครบครันอยู่ทีเดียวเลยค่ะ (อันนี้พลาดเองค่ะที่ไม่ได้เก็บรูปมาด้วย)
รีวิว เรียนต่อ Stirling
อย่างนี่ก็จะมีเป็นที่สำหรับจอดจักรยานด้วยน้า
ภายในบริเวณมหาวิทยาลัยก็กว้างขวาง พื้นที่ใช้สอยเยอะมาก และหากใครชอบบรรยากาศร่มรื่นได้สัมผัสกับธรรมชาติ ที่มหาวิทยาลัย Stirling ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่นึงเลยค่ะ ภายในเวลาสามวันที่เราไป meeting กับทางมหาวิทยาลัยที่นี่เราได้เจอนักเรียนทำกิจกรรมกันอย่างมากมายเลยค่ะ ทั้งวิ่งเอย ปั่นจักรยานเอย และถึงแม้ว่าภายในรั้วมหาวิทยาลัยจะมีโรงยิมแต่ก็ยังคงมีนักเรียนบางส่วนที่อาจจะชอบทำกิจกรรมกลางแจ้งด้วยเช่นกัน
บรรยากาศสบาย ๆ รมรื่น วิวสวยมาก ๆ ด้วย
ที่นี่จะมีจุดสำหรับยืมจักรยานด้วยน้า ถ้าเจอหน้าตาแบบนี้ก็สามารถยืมไปใช้ได้เลย
ที่เราค่อนข้างประทับใจเลยคือโถงทางเดินทุกช่วงตึกของที่นี่ค่ะ ประตูเชื่อมภายในตึกหรือระหว่างตึกจะถูกออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนทุกสถานภาพ อย่างถ้าเราประสบอุบัติเหตุต้องนั่งวีลแชร์ก็จะไม่เกิดความยากลำบากในการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยเลย เพราะด้านข้างประตูเชื่อมทุกบานจะมีปุ่มให้กดเปิดประตูเพื่อนอำนวยความสะดวกให้เราตลอดทาง
ห้องสมุดเองก็มีให้บริการทั้งชั้น 1 และชั้น 2 เลย
อันนี้เป็นภาพของชั้น 2 ค่า
ถัดมาจะเป็นในส่วนของคณะ Art & Humanities หลัก ๆ ที่พาเข้าไปดูจะเป็นห้องฝึกปฏิบัติสำหรับการทำสื่อสิ่งพิมพ์โดยใช้อุปกรณ์แบบดั้งเดิม และนี่เป็นผลงานการใช้แป้นพิมพ์ด้านบนค่ะ
พักเหนื่อยยามกลางวันของที่นี่ก็ไม่ได้กินมื้อใหญ่แบบบ้านเราค่ะ เน้นเป็นแซนวิช ซุป และขนมหวาน แล้วก็มีแนะนำตัวเจ้าหน้าที่และอาจารย์จากหน่วยงาน คณะต่าง ๆ
ถ้าเป็นในเรื่องของ Facilities เกี่ยวกับกีฬา ที่ U of Sitrling ก็มีครบครันเลยค่ะ ทั้งลู่วิ่ง เวท สนามกีฬาทั้งฟุตบอลและลู่กรีฑาก็กว้างขวาง อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำในร่ม (เขาห้ามถ่ายรูปค่ะ) และคอร์ทเทนนิสอีกด้วย
จริง ๆ ตอนที่เดินทัวร์มีนักเรียนเล่นบอลอยู่ในสนามด้วย แต่มีฝนลงปรอย ๆ พอดีก็เลยพากันกลับเข้าไปด้านในค่ะ
เปิดมาวันที่สองก็ชิว ๆ เลยค่ะ เริ่มต้นตั้งแต่ 9 โมงด้วยการพาเรา ๆ ไป City Tour เลยค่ะ ตั้งแต่ Deanston Distillery หรือก็คือโรงกลั่น malt Scotch whisky นั่นเองค่ะ มีร้านขายของฝากและพาเราเข้าไปชมภายในตัวโรงกลั่นด้วย แต่จะมีบางส่วนที่เขาเข้มนิดนึงว่าห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาดเพราะเหตุผลทางด้านความปลอดภัยค่ะ
ในส่วนของหน้าร้านขายของฝากก็จะมีทั้งของกุ๊กกิ๊กน่ารัก ไปจนถึงเซตเครื่องดื่มทั้งเล็กใหญ่เลยค่ะ
ถัดมาก็จะเป็นในส่วนของโรงกลั่นแล้วค่ะ
และมาต่อกันด้วย Doune Castle ซึ่งเป็นการชมบริเวณโดยรอบค่ะ
แล้วก็ปิดท้ายด้วย Stirling Castle ค่ะ
ขึ้นมากันค่อนข้างสูงเลย อากาศและลมก็เลยจะเย็นและแรงมากกว่าปกติ แต่วิวสวย มองออกไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเลยค่ะ
เดี๋ยวเราจะมีเดินไปจนถึงจุดพื้นหญ้าสูง ๆ ข้างหน้าค่ะ ขอบอกเลยว่ายิ่งสูงยิ่งหนาวนี่ไม่ได้ล้อเล่นเลย ฮ่าๆ
มายืนตรงนี้เองจริง ๆ ก็คือผมเผ้าปลิวไม่เป็นทรงกันเลยทีเดียว และลมแรงมาก แบบที่เดินต้านลมขึ้นมาแล้วตัวจะปลิวแหน่ะ
หลังจากช่วงพักทานข้าวกลางวันที่มีสตูเนื้อจากร้าน The Birds & Bees (ที่อร่อยทำเอาเราลืมถ่ายรูปเลย /เสียจัย) ก็เดินทางกลับมาที่มหาวิทยาลัยค่ะ มีเวลาพักสามารถใช้สอยได้ตามใจเลยค่ะ พวกเราหลายคนก็แยกย้ายกันไปกลุ่มตามความสนใจ อย่างของเราก็กลับเข้ามาในตัวเมืองช่วงเย็นค่ะ เพราะมื้อค่ำกับทางมหาวิทยาลัยเองก็ทานกันที่ร้านอาหารในเมืองด้วยอยู่แล้ว
ช่วงเวลาเย็น ๆ ประมาณ 5 โมงก็จะไม่ค่อยเจอผู้คนตามท้องถนนเท่าไหร่แล้วค่ะ เพราะร้านค้าต่าง ๆ ก็จะทยอยปิดกันตั้งแต่ 16:30 ถึง 17:00
เมืองสวย สะอาด ถังขยะมีตั้งอยู่ตามทางเรื่อย ๆ เลยนะคะ ม้านั่งก็มีให้พักผ่อนด้วย
วันที่ 3 เป็นวันสุดท้ายก็มีพาทัวร์อีกเล็กน้อยค่ะ หลังจากนั้นช่วงบ่ายสองก็คือจบงาน ใครมีแพลนต่อก็แยกย้ายกันไป อย่างเราเองก็ต้องเดินทางไป Dundee ตามแพลนค่ะ
ติดตามตอนต่อไปกับ...
• พาเที่ยว Scotland ตอนที่ 3 - ดันดี เมืองริมน้ำสวยจับตากับไอแดดอุ่น ๆ & แวะชม เซ็นแอนดรูวส์ มหาวิทยาลัยเก่าแก่สุดของสก็อต [Aberdeen-Stirling-Dundee-St Andrews-Edinburgh-Glasgow]
• พาเที่ยว Scotland ตอนที่ 4 - เอดินเบอระ เมืองหลวงและศูนย์ราชการของประเทศ จะทำไรต้องมาติดต่อที่นี่ [Aberdeen-Stirling-Dundee-St Andrews-Edinburgh-Glasgow]
• พาเที่ยว Scotland ตอนที่ 5.1 - ปิดท้ายด้วย กลาสโกว์ เมืองสำหรับขาช็อปและสายเที่ยว เค้าว่าคนเมืองนี้ friendly ที่สุดในโลกด้วย :) [Aberdeen-Stirling-Dundee-St Andrews-Edinburgh-Glasgow]
• พาเที่ยว Scotland ตอนที่ 5.2 - ปิดท้ายด้วย กลาสโกว์ เมืองสำหรับขาช็อปและสายเที่ยว เค้าว่าคนเมืองนี้ friendly ที่สุดในโลกด้วย :) [Aberdeen-Stirling-Dundee-St Andrews-Edinburgh-Glasgow]
หรือย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าตอนที่ 1 ได้ที่
• พาเที่ยว Scotland ตอนที่ 1 - พบกับอเบอร์ดีน เชียงใหม่แห่งสก็อตแลนด์ [Aberdeen-Stirling-Dundee-St Andrews-Edinburgh-Glasgow]
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม