"
รีวิวเรียนต่อ Mdes design innovation and service design ที่ The Glasgow school of art
แนะนำตัวคร่าวๆ หน่อยค่ะ
สวัสดีค่ะชื่อ Kwanprapa Unarat (Kwan, ขวัญ) นะคะ ตอนนี้เรียน Mdes design innovation and service design ที่ The Glasgow school of art อยู่ค่ะ
1. ตอนที่ไปเรียน ทำไมถึงเลือกมหาวิทยาลัยนี้นะคะ ?
เลือกเรียนที่นี่เพราะมันไม่มีคอร์ส service design ในไทย (น่าจะ) ประเมินจากระดับมหาลัยที่เขาบอกมาในเว็บ ค่าครองชีพ ค่าเทอม แล้วเราสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ไม่หมดตัว ค่าครองชีพเทียบกับคุณภาพชีวิตแล้ว Glasgow ก็คือดีงาม เสียตรงอากาศ หม่นมากๆ เขาใจแล้วว่าเพลง Why does it always rain on me มันรู้สึกยังไง
2. คอร์สเรียนล่ะคะ เป็นยังไง ในระหว่างเรียน มีฝึกงานมั้ย ?
- ตอนนี้เรียนที่ The Glasgow school of art , Mdes design innovation and service design คอร์สนี้จะเป็นเรื่องการเน้นวิธีคิดเอาการออกแบบมาทำเป็น solution เน้น user centric design ที่เป็นอะไรตายตัว สรุปง่ายๆน่าจะเป็นการเรียนเพื่อหาปัญหา แล้วก็แก้ปัญหา คอร์สที่เรียนอยู่จะเน้นเรื่อง sustainability, social issue ต่างๆ
- Major ที่เรียนคือ Service design ที่นี่ไม่ได้มาเรียนทำ UX/UI โดยตรงขนาดนั้น แต่ก็เกี่ยวอยู่เหมือนเป็นวิธีคิดที่จะเข้าใจความต้องการพฤติกรรมของ Target เน้น Research กับ Process ออกแบบวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ตายตัว ผลลัพท์ที่ออกมาก็กว้าง
- วิธีการเรียนเป็น studio based เรียกบ้านๆ ก็คือทำงานส่ง คนที่เรียนออกแบบมาก็คุ้นเคยดีไม่มีสอบแบบนั่งเขียน ทำงานเป็นกลุ่มเกือบทั้งหมด ยกเว้น Thesis ที่ทำเดี่ยวตอนเทอม 3 ได้ทำงานเวียนกลุ่มกับเพื่อนในห้องไป ไม่ค่อยซ้ำเดิม ตอนแรกๆ ก็จะรู้สึกทุกข์ทรมานเพราะเป็นคนชอบทำงานเดี่ยว แต่ทำผ่านมาสักครึ่งเทอมก็ชินไปเอง จุดที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือมันไม่เหมือนกับวิธีการทำงานกลุ่มแบบสมัยเรียนที่โรงเรียนและป.ตรี มันมีความเป็นแบบแผน และมี framework ของการทำงานเป็นทีมอยู่ เราเองค้นพบว่าการมี Critical thinking + ทักษะ Discussion สำคัญมาก การเงียบไม่มีความเห็นจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทำงานยากที่สุดเลย
- ฝึกทำงานเป็นทีมก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย แรกๆ อาจจะลำบากเพราะต้องปรับวิธีการสื่อสารทั้งหมด วิธีการทำงานของเพื่อนฝั่งตะวันตกกับตะวันออกก็จะคนละแบบกันอีก แต่ผ่านไปสักพักก็จะชินไปเอง เหมือนเป็นการปลดล็อคไปอีกหนึ่ง Levelsส่วนตัวเรารู้สึกถึงข้อดีที่พอเป็นคนที่อยู่ในสังคมที่รับวัฒนธรรมจากทั้งฝั่งตะวันออกตะวันตกมันเลยพอมีความเข้าใจพื้นฐานแนวคิดของสองฝั่งแบบพื้นๆ พอเอาไปช่วยได้ตอนสื่อสารในการทำงานหรือดำรงชีวิตในห้อง เพราะเพื่อนส่วนมากโดยเฉพาะเพื่อนฝรั่งจะเป็นสายสนใจปัญหาสังคม โลกร้อน ความไม่เท่าเทียม faminist ต่างๆ ถ้าพอมีพื้นหรือสนใจเรื่องแบบนี้ก็จะเข้ากับเพื่อนได้ง่ายขึ้น ส่วนเพื่อนจีนหลายคนจะเป็นโปรทางเทคนิค ทำอะไรล้ำๆ ได้ ทฤษฎีจะแน่น
3 . มีความประทับใจอะไรเกี่ยวกับการไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้บ้างคะ ^^
สิ่งที่ชอบมากคือได้ออกไป Research แบบเจอคนจริงๆ คุยกับ Specialist, local organisation เพื่อทำ User journey หา insight จริง แรกๆก็จะงง กลัวๆ หลอนๆ เราโชคดีที่ยังไม่เจอ case แย่ๆ เท่าไหร่ วิธีที่เราออกแบบการ Research เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลก็ถูกเอามาคิดเป็นงานด้วย ไม่ได้ดูแต่ Outcome อย่างเดียว
ไม่แน่ใจว่าที่อื่นเป็นยังไงแต่ที่นี่เน้น Research หนักมาก มีวิชาชื่อ Core research method ทฤษฎีรีเสิชให้เรียนเทอมแรก ใจร้าวมาก ยากมาก แต่ก็ดีเป็นประโยชน์ สำหรับเราที่จบออกแบบมาไม่เคยอ่านหนังสือเรียนจริงๆจังๆ รู้สึกต้องมาหัดเรียนใหม่ ช่วงแรกๆที่เรียนวิชานี้พูดตามตรงว่า งง ชื่อทฤษฎีคำแบบ Academic ที่แปลเป็นชื่อไทยก็ไม่เข้าใจอยู่ดี มันคือความทรมานมาก อ่านไม่ทันด้วย เพราะเขาให้เอางานตัวเองที่ทำไปมาเทียบกะทฤษฎี นั่นเลยหมายความว่าต้องอ่านให้ครบทุกอัน สรุปแบบแหกๆ ช่วงโค้งสุดท้ายที่มีโปรเจคส่ง และเขียน Research จะไม่ทันแล้ว ให้ไปไล่เปิดอ่านไม่ไหวแล้วเลยค้นพบว่า Youtube มีคลิปสรุป Theories เพียบ เลยรอดมาได้
เทอมสองมีไปสิ่งที่เรียกว่า Winter school บนแคมปัสที่ Highland เหมือนเป็นแคมป์ ไปเรียนและทำโปรเจคสองสัปดาห์เน้นเรื่อง Sustainability ก็จะมีวิทยากรดีๆ มาเป็น Mentor เช่น ที่เราพึ่งไปมามี researcher จาก Google มา บวกกับ ดีไซเนอร์และ professor ในแคมป์ไม่ได้มีแค่คนในคณะมีนักศึกษาจากประเทศอื่นมาด้วย เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น ต่างๆ ประสบการณ์มันคือๆจะเห็นความเป็น Activist ของเพื่อนฝรั่งที่เขาจะมีความถามเด็ดๆท้าย Seminar เสมอ เช่นเรื่องอุตสาหกรรมออกแบบที่ไม่ยอมจ่ายเงินเด็กฝึกงาน ภาวะสิ่งแวดล้อมแต่งานอีเว้นใช้แก้วกระดาษ ปัญหาเรื่องความไม่หลากหลายและไม่เท่าเทียมทางเพศ หรือแม้แต่ตอน Google มาบรรยายก็มีคนถามไปตรงๆเลยว่าแล้วที่บอกว่ารักโลก แต่ตัวเองสร้างที่ฐานเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ใช้พลังงานตั้งมหาศาลมันยังไงกัน
ได้ทำ Workshop เยอะ อาจารย์ที่สอนมีหลายคน มีเชิญคนจากคณะอื่น หรือ Researcher ที่มีประสบการณ์จริงมาแชร์ แล้วเขาจะมีประชาสัมพันธ์พวกงานประกวด งานบรรยายข้างนอกให้ติดตามเรื่อยๆ บางอันก็ฟรี บางอันก็จ่ายเงินไป หรือบางทีเขาก็จะ Randoms หานักศึกษาในคลาสไปเป็น volunteer ช่วยงาน. เช่น ไปเป็น falitator ช่วยใน workshop ที่มหาลัยไปทำ ก็เป็นโอกาสที่ดี ไปเห็นวิธีเขาทำงานจริง และคนที่มาร่วมงานก็เปิดโลกมาก ขึ้นอยู่กับความขวนขวายพอสมควรในส่วนกิจกรรมนอกห้องเรียน ถ้ากล้าไปก็ได้อะไรเยอะ
4. เพื่อนๆใน Class ส่วนใหญ่มาจากไหนกันคะ แล้วสังคมในห้องเรียนเป็นยังไงบ้างคะ ?
สังคมในห้องเรียนส่วนมาก เป็นคนจีน แน่นอนอยู่แล้ว รองลงมาเป็นอินเดีย ถัดมาก็ local เราเป็นคนไทยคนเดียวในคลาส เรื่องภาษา เชื้อชาติก็มีผลกับนิสัย ความเข้ากันได้พอสมควร อีกอย่างก็เรื่องประสบการณ์ เทียบมาตรฐานฝั่งเอเชียเราจะถือว่าค่อนข้างแก่ แต่เพื่อนฝรั่งกับอินเดียจะมาแบบรุ่นใกล้ๆกัน (มีประสบการณ์ทำงาน 2-3 ปี) เพื่อนที่คุยด้วยได้ส่วนมากเลยจะเป็นคนรุ่นๆเดียวกันมากกว่า เพราะมีประสบการณ์ชีวิตคล้ายกันมาก่อน คุยสนุก ชอบชวนไปฟัง talk กิจกรรมนอกห้องเรียน ก็ทำให้หายหงอยเหงาได้
5. ความรู้และประสบการณ์อะไรบ้างที่ได้มาจากการไปเรียน ที่คิดว่ามีประโยชน์ละได้ใช้กับการทำงานและได้งานมากที่สุด
ส่วนเรื่องอาชีพหลังจบคิดว่าหลากหลายขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคนจริงๆ ที่ตรงสายสุดก็คงจะเป็น service designer, researcher เกี่ยวกับพวก user experience, product develop หรือส่วนอาชีพอื่นๆ ก็ทำได้เยอะแยะมาก มหาลัยก็มีแผนกแนะแนวอาชีพให้คำปรึกษาอยู่
6. คิดว่าคอร์สนี้เหมาะกับใครคะ อยากให้ฝากถึงน้อง ๆ หน่อย
สำหรับเรา ป.โท มันดูต้องพยายามเองครึ่งนึง พึ่งคอร์สครึ่งนึง ประสบการณ์นอกห้องเรียนที่ได้สำคัญมากเพราะเรามั่นใจว่ามันได้ยากในไทย ยังไงก็ไม่เหมือน เรื่องที่เจอที่นี่บางทีก็ทำให้เรามองชัดขึ้นว่าสิ่งที่เราเจอในไทยมามันเป็นยังไงกันแน่ ปัญหาจริงๆคืออะไร แล้วอะไรคือข้อดีที่เรามี คอร์สอื่นเราไม่แน่ใจ แต่เราว่าคอร์สที่เราเรียนจะ Work มากถ้ารู้ตัวประมาณหนึ่งว่าสนใจเรื่องอะไร มีประสบการณ์เจอเรื่องที่อยากแก้ อยากรู้นึงจะทำให้การเรียนสนุกสนานขึ้นมาก
สำหรับน้องๆที่สนใจเรียนต่อด้าน Design innovation and service design หรือสมัครเรียนที่ The Glasgow school of art สามารถลงทะเบียนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่างนี้เลยค่ะ"