Scottish Universities Alumni | Zea

Scottish Universities Alumni
Phimmada Hatthakarnkul (Zea)
MSc Cancer Science
University of Glasgow
"

รีวิวเรียนต่อ MSc Cancer Science ที่ University of Glasgow

แนะนำตัวคร่าว ๆ หน่อยค่ะน้องซีว่าเรียนอะไร จบจากที่ไหน และปัจจุบันทำอะไรอยู่คะ
  • สวัสดีคะ ชื่อ Phimmada Hatthakarnkul นะคะ ชื่อเล่น ซี (Zea) ค่ะ จบปริญญาโทคอร์ส MSc Cancer Science จาก University of Glasgow ค่ะ ตอนนี้รอ offer ตอบกลับจาก University of Glasgow อยู่ค่ะ ซีจะเรียนต่อปริญญาเอกด้านเดิมเลยค่ะ

ตอนที่ไปเรียน ทำไมถึงเลือกมหาวิทยาลัยนี้นะคะ
  • จริง ๆ เลยก็เพราะอยากเรียนด้าน Cancer Science นี่แหละค่ะ ซีก็เลย search หาว่ามหาวิทยาลัยไหนที่เด่นด้านนี้อ่ะค่ะ แล้วพอดีก็ไปเจอว่า Glasgow มีศูนย์วิจัยด้านนี้โดยเฉพาะ และซีก็ดูจากงานวิจัยต่าง ๆ ของอาจารย์ค่ะ และที่นี่ก็มี Ranking ที่ดีมาก ๆ ซีเลยเลือกเรียนที่นี่ค่ะ

ถ้าให้เลือกวิชาที่เรียนแล้วชอบที่สุด มีวิชาอะไรบ้างคะ แล้วชอบเพราะว่าอะไร
  • ตอนเทอมแรกที่เข้าไปก็จะมีวิชาหลัก ๆ ที่ต้องเรียนประมาณ 60 หน่วยกิตค่ะ คือวิชา Hallmarks of Cancer ซึ่งเป็น introduction เลยว่า cancer เกิดจากอะไร แล้วมี pathway ไหนบ้างที่มีส่วนทำให้เกิดโรคนี้ ซึ่งซีไม่เคยเรียนมาก่อนเลยว่ามี pathway หรือมีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ cancer เจริญเติบโตในร่างกาย ซีเลยคิดว่ามันน่าสนใจมาก ๆ ค่ะ และชอบมาก ส่วนเทอมสองก็จะมีวิชาเลือกค่ะ เขาจะให้เราเลือกว่าอยากรู้ด้านไหนเพิ่ม โดยซีก็เลือกวิชา Cancer Drug Discovery ค่ะ เป็นวิชาเกี่ยวกับการผลิตยา เขาจะสอนเราว่าจะทำยังไงเพื่อให้เรามี strategy ในการผลิตยา เหมือนต้องการผลิตยาหรือต้องการที่จะเลือก pathway นึงมา เพื่อที่จะนำมาวิจัยและนำมาต่อยอดไปทางการผลิตยาต้านโรคค่ะ ซึ่งซีรู้สึกว่ามันดีนะ ถ้าเรารู้ว่าเขามี process ยังไงบ้าง เพื่อที่จะได้ยามาหนึ่งตัวในการรักษาโรคนี้ และมีอีกวิชานึงค่ะที่ซีชอบ คือวิชา Commercialisation in Science เป็นวิชาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง Marketing และ Science ค่ะ คือเขาจะให้เราคิดว่าไอเดียทางวิทยาศาสตร์ที่เราได้มา เราจะนำไป develop ทางด้าน Business ได้ยังไงบ้าง ซึ่งซีรู้สึกว่าการเรียนวิทยาศาสตร์มันดีตรงที่เราได้รู้เกี่ยวกับการรักษา แต่เราจะขาดทักษะในการนำไปใช้จริงในสังคมค่ะ ซีเลยรู้สึกว่าถ้าได้เรียน แล้วได้รู้ความคิดของคนด้าน Business ว่าเขาคิดยังไง เราควรใช้ภาษาหรือการ presentation แบบไหนที่จะทำให้คนทั่วไปหรือคนที่ไม่ได้เรียนด้านนี้มาเข้าใจง่ายขึ้นค่ะ
  •  


ทำ Dissertation ยากไหมคะ เขียนกี่ word ทำเป็นกลุ่มหรือเดี่ยวคะ
  • เขาให้ทำเดี่ยวค่ะ โดยทำ lab ที่ศูนย์ cancer research เลยค่ะ อาจารย์ให้เขียนไม่เยอะนะคะ ประมาณ 5,000 คำค่ะ คือซีแปลกใจมากที่เขาให้เขียนน้อย เหมือนเขาต้องการให้เราเขียนให้ตรงจุดและกระชับมากที่สุดค่ะ ไม่ต้องเวิ่นเว้อ เพราะตอนเอาไปใช้งานจริงเราต้องพูดให้กระชับและพูดให้คนอื่นเข้าใจง่ายที่สุดค่ะ ส่วนเรื่องความยาก ซีคิดว่าไม่ยากนะคะ เพราะอาจารย์ก็รู้ว่าเราเป็น international student ค่ะ เขาก็จะถามตลอดว่าโอเคไหม ทำได้รึเปล่า ถ้ามีอะไรสงสัยก็ถามได้ เขาจะช่วยแนะนำตลอดค่ะ อาจารย์ใจดีมาก ๆ ค่ะ

น้องซีทำ Dissertation เกี่ยวกับอะไรคะ ช่วยเล่าคร่าว ๆ ให้ฟังหน่อยจ้า
  • ทำเกี่ยวกับโรค Leukemia ในเด็กค่ะ โดยทั่วไปแล้วโรค Leukemia ในเด็กทื่ UK เขาสามารถรักษาได้ค่ะ จริงๆเกือบ 90% เลยค่ะที่รักษาหาย แต่ว่าเขาต้องการที่จะ fill gap ที่ยังมีอยู่ 10% สำหรับเด็กที่รักษาหายไปแล้ว แล้วโรคกลับมาใหม่ค่ะ แล้วอาจารย์ที่ซีทำ project ด้วย เขาต้องการที่จะศึกษาว่าเราจะต้องทำยังไง เพื่อให้เซลล์มะเร็งตัวนั้นที่รักษาไปแล้ว ไม่สามารถกลับมาเกิดใหม่ได้ในเด็ก โดยจะโฟกัสไปในเด็กที่เป็น Leukemia ในสมอง โดยจะศึกษา metabolism ในร่างกายของเรา แล้ว metabolism ตัวนี้สามารถไปยับยั้งการเจิญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะในส่วนของสมอง ซึ่งจริง ๆ แล้วในปัจจุบันการรักษาที่ใช้ยาเพื่อไปฆ่าเซลล์มะเร็งในสมองยังมีอยู่ แต่ประเด็นหลัก ๆ ที่อาจารย์ต้องการทำคือต้องการลด toxic หรือ side effect ที่จะเกิดขึ้นในเด็กได้ เพราะว่ายาในปัจจุบันยังทำให้เด็กได้รับผลกระทบ เช่น มีการเจริญเติบโตช้าลงหรือสมองได้รับความเสียหายค่ะ

มีเพื่อน ๆ ได้ทำ Dissertation กับโรงพยาบาลบ้างไหมคะ
  • มีค่ะ เพื่อนเขาทำเกี่ยวกับการ evaluate sample ของเซลล์ผู้ป่วย ก็จะไม่ได้ทำ lab เยอะมาก จะได้ทำเกี่ยวกับด้าน computer-based มากกว่าค่ะ เป็น clinical diagnosis อ่ะค่ะ

เพื่อน ๆ ใน Class ส่วนใหญ่มาจากไหนกันคะ
  • หลากหลายเชื้อชาติมากเลยค่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคน Scottish ส่วนที่เหลือก็จะมาจากอเมริกา อินเดีย และเอเชียด้วยค่ะ และมีคนไทยคือซีคนเดียวค่ะ

สิ่งแวดล้อมบรรยากาศในการเรียนเป็นยังไงบ้างนะคะ สนิทกับเพื่อนๆมั้ย
  • เพื่อนคึกคักมากค่ะ เพราะเป็นคลาสเล็ก ๆ มีประมาณ 30 คน เวลาสงสัยหรืออยากถามอะไร เพื่อนก็จะยกมือถามเลยค่ะ ซีเลยรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดี เพราะได้บังคับให้เราต้อง concentrate และตั้งใจเรียนค่ะ อย่างตอนก่อนสอบเพื่อน ๆ ก็จะนัดติวกัน ต่างคนก็จะต่างผลัดกันติว แลกเปลี่ยนความรู้กันอ่ะค่ะ และทุกคนค่อนข้างสนิทกันนะค่ะ เวลาว่างๆหรือวันเสาร์อาทิตย์เราก็จะชวนกันไปดูหนังบ้าง ไปเที่ยว หรือไปหาร้านอาหารกินกัน ทุกคน nice มาก ๆ ค่ะ




ตอนสอบเป็นยังไงบ้างคะ ข้อสอบเป็นแนวไหน
  • คอร์สนี้จะสอบแค่ครั้งเดียวตอนเทอมแรกค่ะ ก็คือสอบวิชาหลักเลยคือวิชา Hallmarks of Cancer เพราะมีหน่วยกิตเยอะสุดเลยค่ะ เป็นข้อสอบแบบเขียนหมดเลยค่ะ มีเวลาให้ทำ 1 ชั่วโมง คำถามประมาณ 6-7 ข้อ ซึ่งแต่ละข้อต้องตอบประมาณ 1 หน้าค่ะ ตอนนั้นซีก็เครียดระดับนึงค่ะ แต่ว่าซีก็พยายามอ่านหนังสือเยอะ ๆ และอาจารย์เขามีข้อสอบเก่ามาให้ลองทำด้วยค่ะ ซีก็เลยฝึกทำข้อสอบ ฝึกเขียนให้ทันกับเวลาภายใน 1 ชั่วโมงอ่ะค่ะ อาจารย์ใจดีมากค่ะ ตอนสอบถ้าเราทำไม่ค่อยได้ แต่เขียนอะไรไปสักนิดสักหน่อย เขาก็ให้คะแนนเราค่ะ ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ

อาจารย์แต่ละท่านเป็นยังไงบ้างคะ อาจารย์ Support หรือเข้าหาง่ายมั้ย
  • อาจารย์ support ตลอด เข้าหาง่าย ใจดีมากค่ะ อาจารย์บางคนเขาเป็นอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลด้วยอ่ะค่ะ งานเขาน่าจะเยอะ แต่เขาตอบเมลเร็วมากค่ะ สงสัยอะไรก็ถามได้ตลอด เขาพร้อมตอบเราจริง ๆ ค่ะ

ความรู้และประสบการณ์อะไรบ้างที่ได้มาจากการไปเรียน ที่คิดว่ามีประโยชน์ละได้ใช้กับการทำงานและได้งานมากที่สุด
  • การทำงานเป็นกลุ่มค่ะ ซีได้ประสบการณ์จากตรงนี้เยอะมากค่ะ อาจารย์เขาค่อนข้างจะเน้นให้เราทำงานกลุ่ม เช่น รวมกลุ่มกันไปอ่าน paper แล้วนำมา present ให้เพื่อนในห้องฟังค่ะ บางครั้งอาจารย์ก็จับกลุ่มให้เราเองค่ะ เพื่อนที่เราทำงานด้วยก็จะหลากหลาย ไม่ใช่คนเดิม เราเลยได้เรียนรู้อะไรจากตรงนี้ค่ะ เพราะเหมือนมันทำให้เรารู้ว่าเราจะต้องคุยกันยังไง ต้องบริหารจัดการงานกันยังไง ซีเลยรู้สึกว่าเขาก็ฝึกด้านนี้ให้ค่อนข้างเยอะ เพราะเพื่อนส่วนใหญ่เขาจะไม่ค่อยได้ทำงานกลุ่มกัน เขาทำงานเดี่ยว ทำ lab คนเดียวมาตลอด ซีชอบมากค่ะที่เขาฝึกแบบนี้ เพราะทำให้เรากล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็นต่อคนอื่นมากขึ้น และทำให้สนิทกับเพื่อนทุกคนง่ายขึ้นค่ะ
  •  


มีความประทับใจอะไรเกี่ยวกับการไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้บ้างคะ
  • เรื่องเพื่อนค่ะ ซีได้เพื่อนเพิ่มขึ้นเยอะมากจากการมาเรียนที่นี่ และยังเป็นเพื่อนต่างชาติด้วย และซีก็ประทับใจเมืองที่นี่มาก เพราะเป็นเมืองธรรมชาติ เป็นเมืองที่สงบ แต่มันไม่ได้เงียบขนาดนั้น ซีเลยรู้สึกว่ามันเหมาะกับสไตล์เราค่ะ การเดินทางก็สะดวกค่ะ ไม่ลำบากเลย และซีก็ประทับใจอาจารย์ด้วยค่ะ คืออาจารย์ support เราค่อนข้างดี ไม่ได้ทิ้งขว้างเรา ถ้าเรามีปัญหาอะไร ก็เดินเข้าไปคุยกับเขาได้เลย ไม่ได้หาตัวยากค่ะ facilities ในการทำ lab ก็ครบทุกอย่างเลยและค่อนข้างจะทันสมัยด้วยค่ะ พื้นที่ในการทำ lab ก็ใหญ่และสะอาด มีพื้นที่สำหรับเราในการทำ lab ไม่คับแคบเลยค่ะ

คิดว่าคอร์สนี้เหมาะกับใครคะ อยากให้ฝากถึงน้องๆหน่อย
  • เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่พื้นฐานเป็นคนชอบวิทยาศาสตร์ค่ะ เพราะต้องเรียนวิทยาศสาตร์ เรียนวิชาชีวะเยอะค่ะ และก็ต้องเป็นคนที่สนใจและชอบด้านนี้จริงๆ เพราะมัน specific มากค่ะ คือเรียนทุกอย่างก็จะเกี่ยวกับมะเร็งหมดเลย ถ้าสนใจและชอบจริง ๆ ซีว่าคอร์สนี้เป็นคอร์สที่สนุกมาก ๆ มันเป็นสิ่งที่เรียนแล้ว ทำให้อยากรู้เพิ่มเรื่อย ๆ เลยค่ะ แล้วน้อง ๆ ไม่ต้องกังวลค่ะ ตอนเรียนก็อาจจะเรียนหนักหน่อย เต็มที่กับมัน แต่พอมีเวลาว่าง ซีก็เที่ยวเต็มที่ค่ะ ซีเที่ยวยับเลย party กับเพื่อนตลอด และซีก็ได้เที่ยวหลายที่เลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็เที่ยวแถบยุโรป ได้ไปทั้งฝรั่งเศส เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ ออสเตรียค่ะ ได้ใช้เวลา 1 ปีคุ้มมากค่ะ
 
สำหรับน้องๆที่สนใจเรียนต่อด้าน Cancer Science หรือสมัครเรียนที่ University of Glasgow สามารถลงทะเบียนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่างนี้เลยค่ะ"

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

CAPTCHA security code
*แมคดูเคชั่น สถาบันส่งเสริมการศึกษาต่อสก็อตแลนด์
ก่อตั้งขึ้นโดยศิษย์เก่าสก็อตแลนด์ และเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัยสก็อตแลนด์ทุกแห่ง ที่เดียวในประเทศไทย แมคดูเคชั่นมีทีมที่ปรึกษาที่เป็นศิษย์เก่าและอดีตเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยต่างๆในสก็อตแลนด์ ได้รับความสนับสนุนทางการเงินโดยตรงจากมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาครัฐ นักเรียนสามารถขอรับคำแนะนำจาก McDucation โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในทุกขั้นตอน