Scottish Universities Alumni
"
รีวิวเรียนต่อ MSc Business Psychology ที่ Heriot-Watt University
แนะนำตัวเองคร่าวๆ หน่อยค่ะ
- สวัสดีครับ ชื่อ Piyanop Jantorn (Pokpong ปกป้อง) นะครับ จบ MSc Business Psychology มาจาก Heriot-Watt University ปัจจุบันนี้ทำงานเป็นพนักงานวิเคราะห์และวางแผน สังกัด Café Amazon Business บริษัท PTT Oil and Retail Business Public Company Limited ครับ
ทำไมถึงเลือกไปเรียนที่นี้คะ
- เนื่องจากไม่ค่อยมีมหาวิทยาลัยที่เป็นหลักสูตร Psychology ที่เน้นเกี่ยวกับการนำมาใช้ในเชิงธุรกิจครับ แต่ที่นี่มีหลักสูตรที่ผมต้องการจะเรียนครับ และที่นี่ค่าเรียนไม่สูงมาก ผมเลยรู้สึกว่านอกจากผมจะได้ไปเรียนในหลักสูตรที่ต้องการเรียนแล้ว ผมยังช่วยประหยัดเรื่องค่าใช้จ่ายของที่บ้านด้วยครับ
มีวิชาที่ชอบไหม แล้วชอบเพราะอะไรคะ
- วิชาแรกเลยคือวิชา Psychology of Coaching เพราะเราได้เรียนรู้วิธีการฝึกสอนหลากหลายวิธี สามารถนำกลับมาใช้ในการปฎิบัติงานได้จริง อย่างเช่นตอนนี้ผมได้นำวิธีที่เรียนมามาฝึกสอนน้อง ๆ ผู้จัดการร้านหรือเจ้าของสาขา ถือว่าเป็นหลักการที่ดีอย่างหนึ่งครับ
- วิชา Introduction to Human Factors เป็นอีกวิชาที่สนุกนะครับ จะเรียนเกี่ยวกับ ergonomic การออกแบบของอุปกรณ์ของใช้ต่าง ๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ทางเดิน เพื่อให้เหมาะกับสรีระของมนุษย์ ซึ่งในประเทศไทยมีการเรียนการสอนแบบนี้น้อย แล้วเขาจะไปเน้นในเรื่องของพวกสถาปนิก การออกแบบภายในเสียเยอะ แต่วิชานี้เขาจะเน้นไปทางการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ซะมากกว่า ว่ามนุษย์ชอบทำอะไรแบบไหน จะได้นำไปวิเคราะห์กับการออกแบบ ซึ่งสามารถใช้ได้จริง อย่างเช่นการออกแบบผลิตภัณฑ์ขององค์กรต่าง ๆ สามารถนำไปต่อยอดได้ครับ
- ส่วนวิชาสุดท้ายที่ผมชอบคือ Diversity เพราะเป็นวิชาที่ได้เรียนรู้ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความหลากหลายของคนในพื้นที่ในองค์กร ตอนที่เรียนก็คือสนุกอยู่แล้ว เนื่องจากผู้สอนและผู้เรียนก็มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ พอกลับมาเราก็เข้าใจตัวบุคคลมากขึ้น เวลาเรากลับมาทำงาน กลับมาอยู่ในสังคมแต่ละแบบเราก็เข้าใจว่าแต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แล้วเราจะช่วยเหลือแต่ละคนให้มีสิทธิ์เท่าเทียมกันอย่างไรประมาณนี้นะครับ
มีได้ทำ group project หรือ project รายวิชาไหมคะ
- ขึ้นอยู่กับรายวิชานะครับ ส่วนใหญ่จะเป็น group project อย่างเช่นวิชา Coaching เขาจะให้จับกลุ่มทำการ coaching ระหว่างการเรียน ใน 8 สัปดาห์ซึ่งในแต่ละสัปดาห์เราจะได้เรียนกลยุทธ์แบบใหม่ ๆ พอจบคลาสก็จะมาจับกลุ่ม apply วิธีการที่เขาสอนเอามา coach กับเพื่อน ๆ ดูว่าเพื่อนมีกระบวนความคิดยังไง ซึ่งเราจะได้เห็นในสัปดาห์แรก ๆ จนสัปดาห์สุดท้ายว่าเพื่อนขาดกระบวนการไหน มีอะไรเพิ่มเข้ามา ก็จะได้ปรับใช้ไป เรื่อย ๆ เหมือนฝึกปฎิบัติไปด้วยครับ
- อีกวิชาหนึ่งเป็นก็งานกลุ่มเหมือนกันครับ คือวิชา Social organizational change เขาจะให้คิดวิเคราะห์จากโจทย์ โดยให้เราสร้าง policy ที่จะช่วยเหลือองค์กรจากโจทย์ที่กำหนดมาให้
- แต่ก็มี individual project นะครับเป็นแนว research หาข้อมูลแล้วก็มาทำ presentation เช่นการคิด Policy ของ diversity เทียบเคียงจากบริษัทที่เราเห็นว่ามีปัญหาในเรื่องนั้น ๆ อยู่ ตอนนั้นผมทำการเทียบเคียงของ Uber ซึ่งปัญหามันคือการรับลูกค้า มีการคัดเลือกลูกค้าหรือการบริการที่ไม่เท่าเทียมกันอย่างนี้นะครับ ก็มาดู policy การบริการ การรับลูกค้าของเขา แล้วเราก็มาวิเคราะห์ว่าเราสามารถปรับแก้อะไรได้บ้างในแง่ของ diversity ครับ
ทำ Dissertation ยากไหมคะ เขียนกี่ word ทำเป็นกลุ่มหรือเดี่ยวคะ
- ทำเดี่ยวครับ เขาให้เขียนประมาณ 10,000 คำครับ ส่วนถ้าถามว่ายากไหมผมว่าไม่ยากนะครับ ถ้ามองที่ไทยคือความยากมันไม่เหมือนกัน เทียบกับเพื่อนที่เรียนปริญญาโทที่ไทย เพื่อนจะมีความกังวลกับความถูกต้องของคำพูด บริบท และการเว้นวรรค ซึ่งเขาจะจริงจังมากกว่า แต่ถ้าเป็นของผม อาจารย์ที่ปรึกษาเขาไม่กังวลเรื่อง wording ถ้าใช้คำผิดก็ไม่เป็นไร ซึ่งเขาเข้าใจในวัฒนธรรมการใช้ภาษา แต่เขาจะไปจริงจังตรงที่ dissertation ของเราว่าหาข้อมูลมาเพียงพอไหม แล้วข้อมูลที่ไปสืบค้นมามันตอบโจทย์หัวข้อที่เราทำมากน้อยแค่ไหน ถ้าเกิดข้อมูลที่หามาไม่ตอบโจทย์ เราจะมี solution ในการแก้ไขยังไง จะเน้น process ว่าเราทำได้ไหม ถูกต้องไหม สามารถสร้าง out put ออกมาเป็นอย่างไรมากกว่าครับ
Project จบที่ทำส่วนใหญ่ทำเกี่ยวกับเรื่องอะไรกันคะ
- ของผมทำเป็นเรื่องการปรับตัวทางวัฒนธรรมของนักศึกษาต่างชาติเทียบกันระหว่างแคมปัสของมหาวิทยาลัย ซึ่งที่ Heriot-Watt University มี Campus ที่ Edinburgh, Dubai และ Malaysia แล้วผมก็ทำข้อมูลเปรียบเทียบการปรับตัวของนักศึกษาในช่วงที่เขาเรียน โดยจะเอาข้อมูลจากนักศึกษาที่เขาไปเรียนในที่นั้นๆ นะครับ เขาสามารถปรับตัวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้มากน้อยแค่ไหน อันนี้จะเป็นการศึกษาสืบเนื่องจากวิชา diversity ของการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรม
หัวข้อในการทำ Dissertation อาจารย์เลือกให้ มีอยู่แล้วหรือเราเลือกเองคะ
- เราเป็นคนคิดเองครับ โดยที่เราจะมีลิสต์ประมาณ 4-5 หัวข้อไปเสนอไปอธิบายให้อาจารย์ที่ปรึกษาฟังว่าหัวข้อที่เราจะทำ ทำเพราะอะไร แล้วเขาจะพิจารณาความเป็นไปได้ว่าสามารถทำได้จริงมากน้อยแค่ไหน อีกอย่างนะครับของผมเราไม่ได้เลือกอาจารย์ที่ปรึกษาเอง แต่อาจารย์ที่ปรึกษาทำ dissertation เขาจะเลือกเราเองครับ
เพื่อน ๆ ในคลาสส่วนใหญ่มาจากไหนกันคะ
- ในห้องเรียนจะมีเพื่อนประมาณ 30 คนครับ มีผมที่เป็นคนไทยคนเดียวครับ คนจีนมี 4 คน มีคนอาหรับ 1 คน ที่เหลือก็เป็นคนยุโรปหมดเลยครับประมาณ 20 คน เยอะที่สุดจะเป็นคนเยอรมันนะครับ ที่เหลือก็เป็น ไอซ์แลนด์ สวีเดน อังกฤษ หลากหลายเชื้อชาติก็ว่าได้เลยครับ
สนิทกับเพื่อน ๆ ไหม ในห้องเรียนเป็นยังไงบ้าง
- สนิทกันครับ ทุกคนเปิดรับหมด มันเป็นข้อดีที่เขาก็อยากจะเรียนรู้วัฒนธรรมตะวันออก เราก็ได้เปิดรับประสบการณ์ใหม่ด้วยจากฝั่งเขาด้วย อีกอย่างเราก็ไม่ได้กังวลว่าจะต้องมีเพื่อนคนไทยที่ต้องคอยกิน คอยอยู่ด้วยกันซึ่งก็เป็นข้อดีอีกอย่างครับ
- เวลาเรียนในห้องการเรียนจะเป็นการ discuss กัน เล่าจากประสบการณ์ส่วนตัว แบบเรื่องนี้มี Topic อะไรเกี่ยวกับชีวิตของคุณบ้าง มีอะไรที่สามารถเอามาแชร์ได้บ้าง ซึ่งฝั่งยุโรปของเขาก็จะคล้ายๆ กัน พอเขาได้ฟังเรื่องเล่าจากของผมและของเพื่อนคนจีน เขาก็จะประทับใจปนประหลาดใจในเรื่องที่เราเล่าให้ฟังด้วยครับ แบบเป็นเรื่องแปลกสำหรับเขาไปด้วย
- เพื่อนในห้องเรียนอายุก็หลากหลายกันครับ จะมีช่วงอายุคนทำงาน แล้วก็เพื่อนที่เรียนจบปริญญาตรีมาก็มาเรียนปริญญาโทต่อเลย
ตอนเรียนบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในห้องเรียนเป็นยังไงบ้าง กดดันไหม
- ตอนเรียนก็ค่อนข้างกดดันนิดหนึ่งครับ เพราะวัฒนธรรมการเรียนไม่เหมือนที่ไทย อย่างในไทยจะเป็นการบรรยายและทำ coursework นิดหน่อย แต่ที่นี้เขาจะมี coursework มาให้หรือให้เราไปอ่านหนังสือ บทความที่เกี่ยวข้องมาก่อนแล้วพอเข้าห้องเรียนมาก็มาแชร์ความรู้กันหรือแชร์ประสบการณ์กันโดยยึดหลักโครงการสอนไปด้วย แล้วสิ่งที่เราได้ฟังไปด้วยมันคือประสบการณ์ตรงจากคนที่มาหลากหลายก็ได้ความรู้อีกแบบครับ
อาจารย์แต่ละท่านเป็นยังไงบ้างคะ อาจารย์ Support หรือเข้าหาง่ายไหม
- อาจารย์ Support ดีครับ ใจดี เราติดขัดอะไรก็สามารถ e-mail ส่งไปหาเขาเพื่อที่จะเข้าพบได้ครับ เขาจะมีบอกด้วยเช่น เวลาบ่าย 2-4 โมงเขาอยู่ที่ห้อง ใครมีอะไรจะปรึกษาสามารถเข้าไปหาได้ แล้วอาจารย์ที่ผมเรียนด้วยครึ่งหนึ่งเป็นคนต่างชาติไม่ใช่คนอังกฤษ ไม่ใช่คน Scottish จะมีคนหนึ่งเป็นคนโคเอเชีย คนหนึ่งเป็นคนอิตาลี มีความหลากหลาย เขาสามารถให้คำปรึกษาได้เช่นกันครับ ตอนที่ผมเรียนเขาจะมีอาจารย์ที่ปรึกษาประจำด้วยตอนเทอมหนึ่ง เทอมสอง เขาจะมี section ให้เข้าพบถามเรื่องทั่วไปด้วยครับ เช่นเป็นไงบ้าง คิดถึงบ้านไหมประมาณนี้ครับ
การตัดเกรดเป็นไงบ้าง โหดไหม
- ก็โหดพอสมควรนะครับ เพราะให้การสอบนอกจากคุณจะ reference ทฤษฎีต่าง ๆ ต้องมีงานวิจัย งานตัวอย่างไปประกอบกับคำตอบด้วย ก็ต้องอ่านเยอะเยอะครับ จำได้ว่ามีข้อสอบ 3-4 หน้าแต่คำถามมีหน้าละ 1 คำถามก็ทำกันไม่ค่อยทันครับ ยากนิดหนึ่งครับเพราะของผมเป็นสาย social แล้วต้องอิงกับทฤษฎีเยอะ ไม่เหมือนกับสายพวกวิศวะซึ่งเขาจะเน้นคำนวณตัวเลขเสียมากกว่า ซึ่งผมว่าแค่ทฤษฎีก็ยังไม่พอเพราะต้องมีการอ้างอิงตัวอย่างด้วย บางทีก็จำไม่ได้ครับ แต่เอาเท่าที่เราเขียนไหวที่เราจำได้มาใช้อ้างอิงในคำตอบประกอบกับเหตุผลในคำตอบของเราด้วย ซึ่งคะแนนของผมออกมาก็ดีนะครับ
เราคิดว่าความสัมพันธ์ของธุรกิจเกี่ยวกับวิชานี้เป็นยังไรบ้าง เอาไปใช้อะไรได้บ้าง
- วิชานี้เป็นการมองเกี่ยวกับพวกจิตวิทยาเชิงพฤติกรรมของมนุษย์ในการทำธุรกิจเช่น การตั้งราคาเท่านี้จะมีผลกระทบต่อการซื้อขายหรือไม่ การตั้งสินค้าบนชั้นวางจำหน่ายควรตั้งระดับสายตา หรือต่ำกว่าสายตา เอามาประยุกต์ใช้ในเชิงการทำธุรกิจได้ในทุกแง่มุมครับ
คอร์สนี้ถ้าไม่มีพื้นฐานมาจะเรียนได้ไหมคะ
- ผมไม่มีพื้นฐานทางด้าน Business เลยครับ เพราะตอนปริญญาตรีผมเรียนเป็น Psychology ล้วนๆ แต่หลักสูตรนี้จะเป็นจิตวิทยา 65% อีก 35% ออกแนวธุรกิจแต่มันไม่ได้เชิงธุรกิจล้วน ๆ มันจะเน้นเรื่องพฤติกรรมที่ไปผูกกับด้านธุรกิจเสียมากกว่าครับ
ความรู้และประสบการณ์ที่ได้มาจากการไปเรียนที่ Heriot-Watt University ที่สามารถนำมาใช้ในการทำงาน
- ความรู้และประสบการณ์ที่ได้มาก็จะได้มาจากการทำงานกลุ่มครับ ตอนที่เรียนวิชา Organisational Culture วิชานี้เขาจะให้ทำงานเป็นกลุ่ม แล้วก็จะมีการวิเคราะห์ตัวบุคคล สมมติในกลุ่มผมมี 6 คน ก็จะให้ลองทำเป็นการทดสอบสำรวจบุคลิกของคนในกลุ่มว่าแต่ละคนมีบุคลิกยังไง ถนัดด้านไหน เชี่ยวชาญด้านใด แล้วเราก็จะรู้แล้วว่าแต่ละคนมีลักษณะบุคลิกภาพเป็นอย่างไร พอเริ่มทำงานกลุ่มหัวหน้ากลุ่มก็จะรู้แล้วว่าแต่คนมีศักยภาพด้านไหน ก็จะได้มอบหมายงานให้ทำได้ เทียบกับการใช้ประสบการณ์ในชีวิตจริงตอนนี้สามารถเอามาใช้ได้เต็มที่ครับ ตอนนี้ที่ผมทำงานก็ทำเป็นทีมโดยเราก็ศึกษาก่อนว่าแต่ละคนมีบุคลิกภาพยังไง เราก็ไม่ได้ให้เขาทำแบบทดสอบอะไรนะครับ ใช้การสังเกตพฤติกรรมของเขาแทนครับ ว่าคนนี้ถนัดด้านไหน เวลาเรามอบหมายงานเราจะได้มอบหมายงานให้เขาถูกต้อง การทำงานของทีมมันก็จะดีขึ้น
-
มีความประทับใจอะไรบ้างคะจากการที่ไปเรียนที่นี่
- เรื่องเมืองครับ ช่วงที่เรียนเทอมหนึ่งผมอยู่หอในเวลาจะเข้าไปในเมืองก็นั่ง bus เข้าไป พอช่วง summer ตอนทำ dissertation ผมย้ายออกมาอยู่หอข้างนอก ผมก็ได้เห็นวัฒนธรรมการเป็นอยู่ชีวิตประจำวันของคนสก็อตมากขึ้น ผู้คนที่นู้นดูโอบอ้อมอารีย์มากครับ ตอนที่เขาได้รับ service อะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาจะขอบคุณตลอด มีความเป็นมิตรทุกคน เมืองน่าอยู่ ปลอดภัย เดินทางง่าย เรื่องภาษาสำเนียงของเขามีเสน่ห์ด้วยครับ
- เพื่อนที่มหาวิทยาลัยทุกคนเปิดรับ ไม่มีใครเหยียดเลยครับ ทุกคนช่วยเหลือกันหมด
- Facility ของมหาวิทยาลัยนะครับมี bus เข้าถึง เรื่องการอยู่หอในด้วยครับมีเครื่องอำนวยความสะดวกสบายทุกอย่าง แต่ห้องครัวจะเป็นแบบแชร์กัน 5 คน เวลาเราทำอาหารก็มาแบ่งกัน แบ่งปันวัฒนธรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ห้องสมุดมี 3 ชั้นอยู่ในห้องใต้ดินด้วย เราสามารถหา text book ออนไลน์ได้ด้วยถ้าเราไม่อยากเข้าไปในห้องสมุด อย่างเช่นอาจารย์เขาให้เราไปอ่านหาความรู้จากหนังสือมาก่อนเขาก็จะบอกว่าไปอ่านเล่มนี้ ๆ ได้ที่ห้องสมุด แต่ถ้าไม่อยากเข้าหรือไม่สะดวกที่เข้าห้องสมุดเขาก็จะให้ลิ้งค์มาไปหาแบบออนไลน์เอาได้ครับ ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยู่ข้างนอกนอกแคมปัสด้วย เรื่องอาหารการกินก็ไม่มีปัญหาเลยครับ มี Student Shop อยู่ในอาคารเรียนด้วยครับเปิดถึง 3 ทุ่มครับ
คิดว่าคอร์สนี้เหมาะกับใครบ้าง อยากฝากอะไรถึงน้องบ้างไหม
- ส่วนตัวผมคิดว่าเหมาะกับคนที่ทำงานมาแล้วมีประสบการณ์ทำงานมา 2-3 ปีในด้านธุรกิจหรือฟังก์ชั่นงานด้านใดด้านใดหนึ่งแล้วอยากเพิ่มความสามารถของตัวเองให้เก่งขึ้นในเรื่องการศึกษาพฤติกรรมของคนที่แวดล้อมอยู่ในธุรกิจของคุณก็จะเหมาะมาก จะได้พัฒนาธุรกิจไปด้วย สำหรับคนที่เรียนจบใหม่ก็เหมาะเหมือนกันครับ มันจะได้อีกแบบหนึ่งในเรื่องของประสบการณ์ชีวิต การพึ่งพาตัวเอง การมีประสบการณ์ International experience สามารถนำกลับมาใช้ได้เหมือนกัน
- สุดท้ายผมอยากฝากถึงน้อง ๆ ที่สนใจเรียนคอร์สนี้ที่นี้นะครับ ผมบอกได้เลยว่าคุ้มกว่าค่าเงินที่จ่ายไปครับ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มที่ได้เรียนที่นี้นะครับ ถ้าถามว่าลำบากไหมบอกเลยครับว่าความลำบากมันมีอยู่ทุกที่อยู่แล้วครับ แค่เราเรียนรู้ที่จะอยู่และก้าวข้ามผ่านมันไปก็ไม่มีอะไรให้กังวลเลยครับ
สำหรับน้องๆที่สนใจเรียนต่อด้าน Business Psychology
หรือสมัครเรียนที่ Heriot Watt University สามารถลงทะเบียนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่างนี้เลยค่ะ"