Scottish Universities Alumni
"
รีวิวเรียนต่อ MSc Tourism Marketing Management ที่ University of Strathclyde ''
แนะนำตัวคร่าว ๆ
- Parinda Suwantong (Pop ป๊อบ) – จบปริญญาตรีสาขาสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโท MSc Tourism Marketing Management จาก University of Strathclyde ตอนนี้ทำงานเป็น Management Trainee ที่ True Corporation (True Next Gen) ซึ่งเป็นโครงการที่มีระยะเวลา 1.5 ปี โดยช่วงเดือนแรก เราต้องอบรมเกี่ยวกับ product ของบริษัททั้งหมด รวมถึงงานพื้นฐานในทุก ๆ ด้าน ถึงแม้ว่าเราจะจบทางด้าน Marketing มันอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับ Network แต่เราก็ต้องเรียนรู้งานทางด้าน Network และระบบทั้งหมดของบริษัท เพราะมันดีกับภาพรวมของบริษัท หลังจากนั้นจะแบ่งงานเป็นการ rotation ทุก 6 เดือน เพื่อที่จะได้รู้ว่างานแต่ละตำแหน่งเป็นยังไง และหลังจากที่จบโครงการ เราค่อย placement ทำงานตำแหน่งนั้น
ตอนที่ไปเรียน ทำไมถึงเลือกมหาวิทยาลัยนี้นะคะ
- ก่อนหน้านี้เคยได้ไปเรียนอยู่ที่ Melbourne ประเทศ Australia และมีความรู้สึกว่าอยากเปลี่ยนทวีปที่จะไปเรียน เลยสนใจ UK เพราะเรียนต่อปริญญาโทแค่ 1 ปี มันค่อนข้างคุ้มค่าและใช้ระยะเวลาไม่มาก ต่อมาเราก็ดูข้อมูลการเรียนที่เราสนใจ ซึ่งพบว่าที่ University of Strathclyde ทางด้าน Tourism และ Marketing ค่อนข้างเป็นที่ยอมรับ เราก็เลยตัดสินใจสมัครที่นี่ค่ะ
ตอนปริญญาตรีเห็นเรียนจบด้านสังคมสงเคราะห์ (Social Work) มา แล้วทำไมถึงสนใจเป็นด้าน Tourism คะ
- ตอนเรียนปริญญาตรี ได้เรียนเอกสังคมสงเคราะห์ วิชาโทบริหารทรัพยากรมนุษย์ มันจะเข้าใจได้ทั้งเอกชนและราชการ หลังจากที่เรียนจบแล้วไปอยู่ที่ออสเตรเลีย เริ่มรู้สึกว่าอยากลองเปลี่ยนสายที่เรียน นั่นก็คือ Tourism ค่ะ
ถ้าให้เลือกวิชาที่เรียนแล้วชอบที่สุด มีวิชาอะไรบ้าง และชอบเพราะอะไร
- Destination Marketing Management - เป็นวิชาบังคับตอนเทอมสองค่ะ จะเรียนรวมกับเด็ก Marketing วิชานี้มันจะเกี่ยวกับ Tourism ตรงที่เราจะดูว่าแต่ละประเทศมีวิธีการโปรโมตยังไงให้คนรู้สึกอยากไปท่องเที่ยว หรือบางประเทศที่เคยมีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ไปในทางลบ จะมีวิธี boost marketing ยังไงให้คนอยากจะไปเที่ยวประเทศของเขา และวิชานี้มีไปออกทริปที่จังหวัดหนึ่งใน Scotland ด้วย จะมี assignment คือ ให้ออกแบบ marketing เพื่อทำให้จังหวัดนั้นมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น เราได้วิเคราะห์ marketing จากการลงพื้นที่และพูดคุยกับคนจริง ๆ โดย process ของ assignment อาจารย์ให้เราเรียนก่อน และครั้งสุดท้ายของคลาส อาจารย์จะให้เราออกทริปครึ่งวัน ไปลงพื้นที่พูดคุยกับเจ้าของโรงแรมท้องถิ่น เราต้องวิเคราะห์ segmentation กลุ่มลูกค้าที่เราอยากให้เข้ามาในสถานที่นี้ ต้องใช้ความรู้จากทุกคลาสเรียนมาประยุกต์ใช้กับสถานที่จริง เพื่อออกแบบงานและทำ assignment ส่งเป็นเล่ม marketing plan โดยใช้องค์รวมของ marketing ทั้งหมดที่เราได้เรียนมาค่ะ
วิชา Managing Tourism Resources และวิชา International Services Marketing ที่เป็นวิชาบังคับ ทั้ง 2 วิชานี้เป็นยังไงบ้างคะ
- Managing Tourism Resources – จริง ๆ ไม่ค่อยประทับใจวิชานี้ เพราะเนื้อหาที่เรียนค่อนข้าง basic เป็นความรู้ที่เราหาอ่านเองก็ได้ เป็นวิชาที่ให้อารมณ์กึ่งปริญญาตรีด้วย เหมือนเป็นความรู้พื้นฐานที่สอนให้เราเข้าใจ tourism มากขึ้น แต่ด้วยความที่เราที่สนใจด้าน tourism อยู่แล้ว เนื้อหาที่เรียนเราก็รู้อยู่แล้ว มันก็เลยไม่ค่อยท้าทาย
- International Services Marketing – วิชานี้มีคนลงเรียนเยอะมาก น่าจะประมาณ 70 กว่าคนเลยค่ะ มันเป็นวิชาที่จะให้เราออกแบบ service ยังไงให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ โดยเรียนรู้วิธีการจัดการ service ต่าง ๆ เช่น โรงแรมร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ซึ่ง assignment คือ ให้เราลองเอาตัวอย่าง service มาศึกษาดูว่ามีวิธีการออกแบบ วิธีการทำงาน วิธีการแก้ไขปัญหายังไงให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจมากขึ้น
สัดส่วนการเรียนของเทอมแรกและเทอมสองยากมั้ย เป็นยังไงบ้างคะ
- การเรียนเทอมแรกยากกว่าค่ะ เราจะต้องเรียนวิชาพื้นฐาน เพื่อให้รู้จักวิธีการเขียน assignment ซึ่งคนที่ไม่ได้เรียน Pre-sessional course จะไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเขียน assignment ที่ยุโรปเป็นยังไง แต่มันจะมีอยู่วิชาหนึ่งที่สอนว่าเราควรเขียนยังไง เพื่อให้เราเข้าใจมากขึ้น ซึ่งวิชานี้จะเป็นการอ่าน paper เยอะมาก ทำให้เราเรียนรู้และเข้าใจวิธีการเขียนได้ดีขึ้น ในบางวิชาจะมีส่ง assignment และการสอบ final แต่บางวิชาก็จะมีการสอบ midterm ด้วย มันค่อนข้างท้าทาย ด้วยความที่เราไม่เคยอยู่ในระบบการศึกษาของที่นั่นมาก่อน เราไม่รู้ว่าวิธีการสอบของเขาเป็นยังไง ส่วนเทอมสองจะไม่มีการสอบแล้ว จะเป็นการส่ง assignment 100% ต้องจัดการเวลาให้ดี อ่าน paper เยอะ ๆ ซึ่งเราคิดว่ามันยากคนละแบบ แต่ในความรู้สึกแล้วคิดว่าการสอบมันกดดันกว่า เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้อสอบจะเป็นยังไง และเรื่องภาษาที่ใช้ในการเขียน paper บางทีเราอาจจะใช้เวลาคิดนานกว่าเวลาที่เขากำหนดในการสอบแค่ 2 – 3 ชั่วโมงค่ะ
- มีวิชา Marketing Works เป็นวิชาที่มี project ค่อนข้างใหญ่ โจทย์ที่ได้ จะเป็นบริษัทด้าน tourism ซึ่งป๊อบได้เป็นคล้าย ๆ องค์กรหนึ่งของ UNESCO ที่เกี่ยวกับด้าน tourism เราจะต้องไปสัมภาษณ์ความรู้สึกของคนในพื้นที่ว่าอยากทำยังไงให้ชุมชนของเขาพัฒนาในเชิงท่องเที่ยว
วิชาบังคับตอนเทอมแรก ปูพื้นฐานความรู้ให้แน่นมั้ยคะ
- ค่อนข้างแน่นและดีเลยค่ะ คนที่ไม่เคยเรียน business และไม่เคยเรียน marketing ก็สามารถเข้าใจองค์รวมของ marketing ได้ในระยะเวลาแค่ 1 เทอมค่ะ วิชาตอนเทอมแรกปูความรู้พื้นฐาน marketing ในการทำงานได้
เพื่อน ๆ ในสาขาเดียวกัน มีพื้นฐานด้าน business, marketing มาแล้ว หรือมีคละกันมาจากหลากหลายสาขาคะ
- มันค่อนข้างคละกันนะคะ ก็มีทั้งเพื่อนที่จบด้าน Marketing หรือจบด้าน Business ก็มีค่ะ
เพื่อน ๆ ในคลาส ส่วนใหญ่มาจากประเทศไหนกันบ้างคะ
- แบ่งเป็นอัตราส่วน คนจีน 50% ไต้หวัน 15% ไทย 15% ที่เหลือจะคละ ๆ กันเป็นอินเดีย ยุโรป ตะวันออกกลาง ส่วนเรื่องคลาสเรียนก็ใหญ่นะคะ บางวิชาก็เป็น 100 คนเลยค่ะ
สิ่งแวดล้อมและบรรยากาศในการเรียนเป็นยังไงบ้างนะคะ สนิทกับเพื่อน ๆ มั้ย
- เพื่อนคนไทยรวมตัวเองแล้วมี 9 คนค่ะ ซึ่งทุกคนไม่มีใครเรียน Pre-sessional course เลย ทำให้มาเริ่มต้นใหม่ใน คลาสเรียนกัน เลยทำให้สนิทกันง่าย ไปเที่ยวด้วยกัน พอกลับมาที่ไทยก็ยังมีติดต่อกับเพื่อนตลอดค่ะ รู้สึกว่าได้ความสัมพันธ์ที่ดีมากจากการไปเรียนที่นี่
ลักษณะการเรียนร่วมกับเพื่อนในห้องเป็นยังไงบ้าง
- ขึ้นอยู่กับแต่ละวิชาด้วยค่ะ บางวิชาที่มีจำนวนเป็น 100 กว่าคน เพื่อน ๆ ก็จะไม่ค่อยกล้ายกมือถาม คนที่ยกมือก็จะเป็นคนเดิม ๆ เพราะเขากล้าที่จะ discuss ในคลาสที่มีคนเยอะ ๆ แต่ในทางกลับกัน บางวิชาที่มีคลาสเรียน10 – 15 คน เพื่อน ๆ จะมีส่วนร่วมตลอดเวลา กล้ายกมือถามและตอบคำถามค่ะ
อาจารย์แต่ละท่านเป็นยังไงบ้างคะ ตัดเกรดโหดมั้ย อาจารย์ Support หรือเข้าหาง่ายมั้ย
- แล้วแต่อาจารย์แต่ละท่านด้วยค่ะ อย่างบางทีที่เราเกิดมี conflict ในกลุ่ม เราก็สามารถพูดคุยกับอาจารย์ได้ แล้วก็อาจารย์บางคนอาจจะ prefer ตอบเราแค่ในคลาส หรืออาจารย์บางคนก็ไปถามหลังคลาสได้ ถ้าเราไม่เข้าใจค่ะ
- เรื่องการตัดเกรดและการให้คะแนน สำหรับสาขาวิชา Marketing เป็นสาขาที่ให้เกรดค่อนข้างโหดนะคะ โดยเกณฑ์คือ 60% จะได้เป็น Merit, 70% จะได้เป็น Distinction ถ้าเป็น 1 รุ่นรวมสาขา Marketing ทั้งหมดน่าจะประมาณ 170 คน พอวันรับปริญญามีได้ with Distinction แค่ 2 คน และมีคนไทยสาขา Marketing ที่ได้ Merit 2 – 3 คน จากประมาณ 20 คน คิดว่าเกณฑ์ผ่านไม่ได้ยากมาก แต่เกณฑ์ที่จะได้คะแนนดีมันยากค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนด้วย
Dissertation ยากมั้ย ต้องเขียนกี่คำ อาจารย์ support ดีมั้ย
- ประมาณ 30,000 คำ บวกลบได้ไม่เกิน 10% ค่ะ ถ้าพูดถึงการทำ dissertation ของ Strathclyde เขาออกแบบวิธีการจัดการกับเวลาค่อนข้างดี เขาจะให้เราส่ง proposal ตั้งแต่เดือนเมษายน โดยที่จะมีคลาสให้เราปรึกษากับอาจารย์ก่อนว่าเราอยากทำเรื่องอะไร อาจารย์จะให้คำแนะนำกลับมา แล้วเราค่อยทำ proposal ส่งไปว่าเราจะทำเรื่องนี้ กลุ่ม target คนที่เราจะสัมภาษณ์จะแบบไหน เพื่อให้เขา approve ก่อนว่า dissertation ที่เราจะทำมันเป็นหัวข้อที่น่าสนใจ และมีประโยชน์จริง ๆ หรือไม่ ถ้าอาจารย์โอเค เราถึงจะทำ dissertation ตัวจริงได้ และเขาจะประกาศว่าใครเป็นที่ปรึกษาของเรา หลังจากนั้นค่อยนัดคุยกับที่ปรึกษาในแต่ละ chapter ที่เราจะส่ง ป๊อบรู้สึกว่ามันก็ยากและ เหนื่อยตรงที่เราต้องศึกษาเนื้อหาเยอะ แต่เพราะเรื่องที่ได้ทำมันเป็นเรื่องที่เราสนใจ เลยรู้สึกว่าไม่เบื่อ ทำได้เรื่อย ๆ ค่ะ
การทำ Dissertation ต้องไปเจอกับลูกค้าหรือติดต่อกับบริษัท/ธุรกิจจริง ๆ มั้ย
- มันแล้วแต่เราเลือกค่ะ จะมีแบบ qualitative และ quantitative ในการทำ dissertation ส่วนตัวป๊อบเลือก qualitative เป็นสัมภาษณ์ค่ะ โดยกลุ่มคนที่ป๊อบสัมภาษณ์จะเป็นคน Southeast Asia จะเป็นเพื่อนชาวต่างชาติทั้งหมด เหตุผลที่ dissertation ของป๊อบน่าสนใจสำหรับอาจารย์ เพราะป๊อบเลือกเจาะ 4 ประเทศ คือ เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน และจีน ซึ่งมันยังไม่มี data base กลุ่มคนเหล่านี้ ป๊อบโชคดีตรงที่พอจะมีเพื่อนทั้ง 4 ประเทศนี้ให้สัมภาษณ์ได้บ้าง เพราะป๊อบอยู่ออสเตรเลียมาก่อน สัมภาษณ์ไปประมาณ 20 กว่าคน เพื่อน ๆ ก็ยินดีที่จะให้เราสัมภาษณ์ 2 – 3 ชั่วโมง ทำให้เราได้ข้อมูลเชิงลึก และสามารถนำมาวิเคราะห์ได้ค่ะ
การเลือกหัวข้อและวิธีการตอนที่จะส่ง proposal ค่อนข้างสำคัญใช่มั้ยคะ
- ใช่ค่ะ การเลือกหัวข้อ dissertation ที่ดี จะรู้สึกสนุกไปกับมัน จะต้องเป็นเรื่องที่เราชอบและสนใจ กลุ่มคนสัมภาษณ์จะต้องเป็นคนที่เราสามารถตอบแบบสอบถามของเราได้ มันจะทำให้เราแฮปปี้และอยากที่จะทำมันต่อไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาหลายเดือนก็ตามค่ะ
มหาวิทยาลัยมี Service ช่วยดูหรือหาที่ฝึกงาน หรือทำ project กับบริษัทมั้ยคะ
- ที่นี่มีฝ่าย career service ด้วยนะคะ แต่ป๊อบไม่ได้สนใจเรื่องการทำงาน part-time หรือ career service หลังเรียนจบค่ะ
ความรู้และประสบการณ์อะไรบ้างที่ได้มาจากการไปเรียน ที่คิดว่ามีประโยชน์และได้ใช้กับการทำงานมากที่สุด
- การปรับตัวเข้ากับสังคม เรามีโอกาสได้ทำงานกับคนที่หลากหลาย ทำให้เราได้เจอสถานการณ์ที่ต่างจากที่เคยเจอที่ไทย เราได้เรียนรู้วิธีการแก้ไขปัญหา วิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา
- ความรู้ในการแบ่ง segment ลูกค้า ทำยังไงให้ลูกค้าสนใจ product
- มีความเข้าใจระบบ business มากขึ้น
มีความประทับใจอะไรเกี่ยวกับการไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้บ้างคะ
- ประทับใจคนในเมือง Glasgow ค่ะ เขาจะ friendly ไม่เหยียดคนเอเชีย ถ้าเรามีปัญหาเขาก็เต็มใจจะช่วยเหลือและให้คำแนะนำเราด้วยค่ะ
- ปีที่ป๊อบไป ตอนนั้นเป็นปีแรกที่ Sport club เปิดใหม่ ใหญ่และอลังการมากค่ะ มีสระว่ายน้ำ มีสนามแบดมินตัน อุปกรณ์เครื่องออกกำลังกายในฟิตเนสใหม่มาก facilities ตรงนี้ดีมากค่ะ มีค่าใช้จ่าย แต่ก็ไม่แพงนะคะ
- Course Structure ของเทอมแรกค่อนข้างดี ป๊อบก็ประทับใจนะคะ แต่เทอมสองวิชาเลือกบางตัวจะจำกัดนักเรียนในคลาส อาจจะทำให้เพื่อนบางคนไม่สามารถลงเลือกวิชาที่อยากจะเรียนจริง ๆ
คิดว่าคอร์สนี้เหมาะกับใครคะ อยากให้ฝากถึงน้อง ๆ หน่อย
- สาขา Tourism Marketing Management เหมาะกับคนที่สนใจอยากจะมีความรู้ และอยากทำงานด้าน Marketing ในอนาคต โดยที่ไม่ต้องจบ Marketing หรือ Business ก็ได้ ส่วนตัวจบปริญญาตรีสังคมสงเคราะห์และเรียนวิชาโทบริหารทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งมันก็ไม่ได้ตรงสายขนาดนั้น เพื่อนบางคนที่มาเรียนจบวิทยาศาสตร์ก็มี สาขานี้จะเจาะลึกไปทาง tourism เหมาะกับคนที่จะกลับไทยไปทำงานเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยว หรืออยากเป็นเจ้าของธุรกิจท่องเที่ยวก็จะมีประโยชน์ เพราะจะเข้าใจความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ออกแบบ marketing ที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้ สำหรับคนที่ยังลังเลว่าจะเรียนสาขานี้ดีมั้ย สามารถลงเรียนเป็น Marketing ก่อนก็ได้ เพราะที่ Strathclyde ตอนเทอมสองถ้าเปลี่ยนใจจะลงเรียนวิชาเลือกเพื่อเปลี่ยนเป็น Tourism Marketing Management ก็ได้
- อีกอย่าง อยากให้เตรียมตัวเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษมาให้พร้อม เพราะต้องอ่านค่อนข้างเยอะ วันหนึ่งจะอ่าน paper 4 - 5 แผ่นเป็นเรื่องปกติ เราต้องปรับตัวเรื่องการอ่าน เพราะถ้าเราไม่ชอบอ่าน เราจะทำงานค่อนข้างช้า งานอาจจะไม่เสร็จทันเวลา รวมถึงเรื่องปรับตัวในการใช้ชีวิต เพราะ Scotland ค่อนข้างหนาว ถ้าเทียบกับเมืองไทยนะคะ ที่นู่นฝนตกจะตกบ่อย เราต้องปรับตัวกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงด้วยค่ะ
สำหรับน้องๆที่สนใจเรียนต่อด้าน Tourism Marketing Management
หรือสมัครเรียนที่ University of Strathclyde สามารถลงทะเบียนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่างนี้เลยค่ะ"