Scottish Universities Alumni
"รีวิวเรียนต่อ MSc Entrepreneurial Management and Leadership ที่ University of Strathclyde"
จบปริญญาตรี Bachelor of Engineering in Survey Engineering, Chulalongkorn University และปริญญาโทคอร์ส MSc Entrepreneurial Management and Leadership ที่ University of Strathclyde ปัจจุบันกำลังเตรียมตัวทำธุรกิจส่วนตัว
ตอนที่ไปเรียน ทำไมถึงเลือกคอร์สนี้และมหาวิทยาลัยนี้
- ผมอยากเป็นผู้ประกอบการอยู่แล้ว เลย search ดู Ranking ของ Business School แล้วเจอที่ University of Strathclyde ว่า Ranking ดี และค่าครองชีพไม่แพงมากด้วยครับ ที่เลือกเรียนคอร์สนี้ผมมองว่าการเป็นผู้ประกอบการเราควรมีความรู้กว้างครับ ผมอ่านข้อมูลคอร์สของที่ University of Strathclyde แล้วมีวิชาหลากหลาย ทั้ง Marketing, Finance, การหา New Venture ใหม่ ๆ ฯลฯ Classmate ก็มีหลากหลายจากต่างประเทศ 40 กว่าคนใน Class ส่วนใหญ่มากจากยุโรปกับอเมริกา คนเอเชียจะมีแค่คนไทย กับคนอินโดนีเซียครับ เมื่อเทียบกับเพื่อนที่เรียน Marketing หรือ Finance ทางนั้นจะเป็นเพื่อน ๆ จากจีน 60-70% เลยครับ ตอนแรกผมก็อยากเรียน MBA เหมือนกันแต่เขา require ประสบการณ์ทำงานและคะแนน GMAT ประกอบด้วยครับ สุดท้ายก็เลือกคอร์ส Entrepreneurial Management and Leadership แทน
เห็นคนที่เรียนจบวิศวกรรมมาส่วนใหญ่จะเลือกคอร์ส MSc Entrepreneurship, Innovation & Technology ทำไมเราถึงเลือกเรียนเป็นคอร์สนี้แทนคะ
- ตอนก่อนเรียนจบ ผมทำ Start-up กับเพื่อนมา แล้วก็พบว่าเราไม่ชอบสาย Innovation หรือ Technology เท่าไหร่ครับ ผมเน้นแนวอสังหาริมทรัพย์มากกว่า ผมคิดว่าถ้าไปสาย Innovation เขาจะเน้นไปทาง Start-up หรือทาง Computer เลยเลือก Management ที่จะไปบริหารคน และเรื่อง Leadership ที่เราจะไป lead คนในองค์กรได้ ผมคิดว่าน่าจะ work กว่า แต่จริง ๆ ก็ไปเรียนด้วยกันกับสาขา Entrepreneurship, Innovation and Technology อยู่ดีนะครับ เรียนแตกต่างกันไม่กี่ตัว อย่างตอนเทอมแรก ทางสาขา Innovation จะมีสอน Statistics มีวิชาที่ให้ออกไปสัมภาษณ์ลูกค้าจริง ๆ เป็นแนว Start-up ครับ แต่ของผมจะเป็นวิชาแนว Organisation
ถ้าให้เลือกวิชาที่เรียนแล้วชอบ มีวิชาอะไรบ้างคะ และชอบเพราะอะไร
- Entrepreneurial Finance วิชานี้จะเรียนเทอมละ 1 ตัวครับ เขาสอนตั้งแต่ต้นเลย ในมุมมองของผมที่ไม่รู้เรื่องมาก่อนก็รู้สึกว่าดีนะครับ เพราะผมไม่มีพื้นฐานทาง Finance มาก่อน ในฐานะผู้ประกอบการก็ต้องอ่านงบการเงินเป็น ทำบัญชีเบื้องต้นเป็น รู้สึกว่าวิชานี้สามารถเอามาใช้ได้จริงทั้งที่ UK และที่ไทยครับ ตอนเรียนเขาก็จะสอน Basic ก่อนครับ แต่พอ apply แล้วผมรู้สึกว่าได้ใช้ประโยชน์จริง
- New Venture Creation วิชานี้จะสอนให้เราทำ Business Plan ว่ามีวิธีคิดและมุมมองยังไงบ้าง เหมือนฝึกให้เราทำก่อนที่เราจะไปทำ Project จบส่งครับ สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานด้าน Entrepreneurship มาเลย จะรู้สึกตื่นเต้นกับวิชานี้กันครับ
- อีกวิชาหนึ่งจะเป็นวิชาเลือกเพิ่มเติมที่ผมชอบมาก ชื่อ Family Enterprise ครับ เป็น class ที่เป็นนักเรียนต่างชาติล้วนเลยครับ มีนักเรียนมาจากสาขาอื่นด้วยเหมือนกัน เนื้อหาดีมาก ค่อนข้างตอบโจทย์เรา วิชานี้จะสอนหลักการบริหารธุรกิจหรือบริหารความสัมพันธ์ในครอบครัวยังไง เนื้อหาเจาะลึกไปเรื่อง Family Business ที่ส่งต่อกันเป็นรุ่น ๆ เลยครับว่าควรทำยังไงให้ไปถึง generation ที่ 3 เลยรู้สึกว่ามีประโยชน์ดีครับ แต่ตอนนั้นที่เรียนอาจารย์เขาบอกว่าสอนรุ่นผมเป็นครั้งแรก เลยไม่แน่ใจว่าเอาไปบรรจุในหลักสูตรแล้วหรือยังนะครับ
Assignment หรือการสอบ แบ่งสัดส่วนยังไงบ้างคะ
- แต่ละวิชาก็มีสัดส่วนไม่เท่ากันครับ โดยรวมเป็นงานกลุ่ม คะแนนเกินครึ่งจะมาจากงานกลุ่ม จึงทำให้เรามีการ participate กับเพื่อนต่างชาติเยอะครับ ส่วน Essay ไม่เยอะมาก มีเทอมละ 2-3 ตัวที่เราต้องเขียนสรุปสิ่งที่เราเรียนมา สัดส่วนคะแนนสอบจะน้อยมากครับ ประมาณ 3-4 ตัว เท่าที่จำได้มี Finance กับ Management ที่มีสอบครับ
เพื่อน ๆ ใน class มีพื้นฐานด้าน Business กันมาก่อนมั้ยคะ
- ใน class แบ่งเป็นนักเรียนฝั่ง Entrepreneurial Management กับ Entrepreneurship Innovation อย่างละประมาณ 20 คนครับ แต่ทั้งสองฝั่งก็มีคละกันไป มีทั้งคนเพิ่งจบใหม่ หรือแม้แต่คนที่อายุ 40 กว่าที่มีประสบการณ์ทำงานมาเรียน ช่วงอายุก็จะกว้างครับ ส่วนใหญ่ก็มีเป้าหมายที่จะไปเป็นเจ้าของกิจการหรือกลับไปบริหารกิจการที่บ้าน คนที่บริษัทส่งมาเรียนก็มีบ้างครับ แต่น้อย
สิ่งแวดล้อมบรรยากาศในการเรียนเป็นยังไงบ้างคะ
- แล้วแต่วิชาเลยครับ แต่วิชาที่เป็น Lecture-based มีไม่เยอะครับ บางวิชาก็จะแบ่งเป็นคาบ Lab กับ Lecture สำหรับตอน Lecture ก็เรียนทฤษฎี แล้วให้แบ่งกลุ่มเพื่อ discuss กันแล้วทำ Mini Presentation ครับ จะเน้นที่การพูดคุย Idea และทฤษฎี บางเนื้อหาก็จะได้จากการแลกเปลี่ยนมุมมองในวงสนทนากับเพื่อนครับ ถ้าผมจำไม่ผิด มีวิชาพวก Sales Lab หรือ Data Lab จะเป็นของนักเรียน Innovation ที่ต้องเรียนทั้งวันเลยครับ จะเน้นปฏิบัติมากกว่า บรรยากาศในการเรียนก็ดีครับ ตึกทันสมัย Facilities ครบครัน
อาจารย์แต่ละท่านเป็นยังไงบ้างคะ อาจารย์ Support หรือเข้าหาง่ายมั้ย
- ผมว่าแล้วแต่คนเลยครับ ถ้าเราอยากคุยก็ email นัดอาจารย์ได้เลยครับ เพราะเขาจะแจ้งไว้อยู่แล้วว่าว่างตอนกี่โมง
Nature ของคอร์สที่เน้นการ Discussion เยอะ อาจารย์มีส่วนช่วยในการเรียนการสอนยังไงบ้างคะ และเกณฑ์การให้คะแนนเป็นยังไงคะ ตัดเกรดโหดมั้ย
- เวลามี Group Discussion อาจารย์จะเข้าหาแต่ละกลุ่มแล้วจะช่วย guide ให้เราอยู่ในประเด็นครับ บางทีก็แนะนำ Idea เพิ่มให้ด้วยครับ ส่วนเรื่องคะแนน จริง ๆ ทุกวิชาก็จะมี Criteria อยู่แล้วว่าแต่ละงานจะต้องมี aspect ไหนบ้างที่เราต้องทำตามครับ อย่างวิชา Finance ที่เป็นเรื่องคำนวณก็จะตรงตัวอยู่แล้ว จะตัดเกรดตามคะแนนได้ ถ้าเป็นวิชาแนว Management ก็จะมี Criteria อยู่ครับเรื่องการเอาทฤษฎีมาประยุกต์ได้มากน้อยแค่ไหน แต่อย่างวิชา New Venture Creation ที่ให้เราคิดธุรกิจใหม่ ก็จะมี Step อยู่ เขาก็จะประเมินจากความคิดที่เราเอาใส่ในแต่ละขั้นตอนครับ จริง ๆ ก็จะไม่ได้มีผิดถูก เพราะเน้นที่ Process การได้มาของข้อมูล ความน่าเชื่อถือ และวิธีการคิดครับ
การเรียนในเทอม 1 และเทอม 2 แตกต่างกันเยอะมั้ยคะ
- ตอนเรียนเทอม 1 งานน้อยกว่าและเรียนง่ายกว่าครับเพราะเป็นตัว basic ครับ แล้วก็เป็นช่วงปรับตัวด้วย พอเทอม 2 ก็เริ่มเยอะขึ้นครับ
เห็นว่าเรียน Pre-sessional English ด้วย ตอนไปเรียนปรับตัวยากมั้ย
- คอร์ส Pre-sessional English จะสอนการเขียนแบบ academic ครับ เขียนให้เป็นวิชาการ มีมาตรฐานการ discuss กันในกลุ่ม รวมถึง Presentation ที่ดีด้วยครับ ผมว่าโอเคนะครับสำหรับคนที่ไม่เคยมีพื้นฐานด้านนี้มาก่อน คอร์สนี้ช่วยให้เราคุ้นเคยกับการใช้ภาษาและระบบของห้องสมุดหรือมหาวิทยาลัยมากขึ้นครับ ผมเรียน 3 เดือนจะมีอาจารย์ 2 คนสลับกันสอนครับ
ในเทอมสุดท้ายที่มีวิชา Virtual Incubator Project ลักษณะการทำ Project เป็นยังไงบ้างคะ แล้วยากมั้ยคะ
- ชื่อย่อวิชานี้เรียกว่า VIP นะครับ งานนี้จะให้เราคิดธุรกิจจริง ๆ ว่าต้องทำอะไรบ้าง เริ่มตั้งแต่ทำ Market Research วิเคราะห์ลูกค้า วิเคราะห์การตลาด คือเอาที่เรียนมาทั้งปีมาใช้ในงานนี้ครับ สามารถเลือกได้ว่าจะทำเดี่ยวหรือกลุ่ม ถ้าเป็นกลุ่มจะไม่เกิน 5 คน แล้วก็ส่งเป็น Paper 1 เล่ม 15,000 คำ และมีทำ Presentation ให้เพื่อน ๆ ฟังประมาณ 5 นาที ตอนนั้นที่ผมทำก็เป็นกลุ่มครับ ทำกับคนไทยหมดเลย อาจารย์ก็เปิดกว้างมากครับ ให้เราไปคิดสิ่งที่ดูแล้วว่าเราจะแก้ปัญหาปัญหาหนึ่งได้ ปีผมคนไทยมี 8 คน ก็แบ่งเป็นสองกลุ่มครับ อีกกลุ่มหนึ่งทำเป็น Application แต่กลุ่มผมทำเป็น Product ออกมา งาน VIP นี่ส่วนตัวผมว่าไม่ยากนะครับ แต่มันเยอะ เพราะข้อมูลส่วนใหญ่เป็นตัวเลข ความยากจะอยู่ตรงที่เราหาข้อมูลมา support ได้มากแค่ไหนครับ เพราะบางอย่างไม่มีใน Internet หรือยังไม่ได้มีการทำ Paper ออกมาครับ ตอนนั้นผมทำเกี่ยวกับชามที่ย่อยสลายได้ ผมก็อยากรู้ว่าที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยมีการใช้จานชามเป็นยังไง อันนี้ก็ต้องไปถามพ่อครัวเอง แล้วก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากการ Interview ครับ งานนี้จะฝึกให้เราหาข้อมูลไปเสนอนักลงทุน แล้วทำยังไงให้นักลงทุนเชื่อถือเราครับ
การทำ VIP มีอาจารย์คอยให้คำแนะนำเหมือนการมี supervisor สำหรับคนที่ทำ dissertation มั้ยคะ
- ทางคณะจะมี Guest ที่เป็นนักธุรกิจจริง ๆ จากหลายแวดวงมาคอยให้คำปรึกษาครับ มี Weekly Meeting มาคอย update กันเรื่อย ๆ ว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่ เหมือนมาเป็น Mentor ให้เราครับ แต่สุดท้ายแล้วอาจารย์ในคณะจะเป็นคนให้คะแนนงานเราครับ
การคิดคะแนนสำหรับงาน VIP นี้เป็นยังไงคะ ให้คะแนนแยกแต่ละคนหรือรวมเป็นกลุ่ม
- คิดคะแนนเป็นกลุ่มครับ จะได้เท่ากับเพื่อนที่ทำด้วยกัน งานนี้ค่อนข้างอิสระและ flexible ครับ ทำให้คนที่จะมารวมกลุ่มกันก็ต้องมีความไว้วางใจกันระดับหนึ่งเพราะต้องทำงานด้วยกัน ก็เลยเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำงานกับคนไทยด้วยกันครับ
นอกจากทางคณะมีนักธุรกิจมาช่วยให้คำแนะนำตอนทำ Project แล้วมหาวิทยาลัยมี Service ช่วยดู หรือหาที่ฝึกงาน หรือทำ Project กับบริษัทอื่นอีกไหมคะ
- มีงาน Enterprise Pathway ที่ให้เราสามารถไปเข้าร่วมได้ เป็นคอร์สเรียนเพิ่มเติมตอนเย็นครับ มีเพื่อนใน Class ไปเข้าเรียนเพื่อเพิ่ม Connection นอกห้องเรียนด้วยครับ นอกจากนี้ก็จะมีงาน Meeting พวกธุรกิจของ Scotland ที่จัดที่ Edinburgh ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็จัดรถไปให้ครับ ในงานจะมี Booth ธุรกิจต่าง ๆ มีนักลงทุนมาด้วยครับ เราก็ได้ไป observe ดูวิธีการทำงานของเขา ตอนไปงานแนวนี้ก็ยังไม่ได้ job offer หรืออะไรนะครับ แต่ตอนทำ VIP พวกผม present ได้ที่ 1 ของ Class เขาก็อยากให้เราคุยกับทางธนาคารต่อเพื่อหา Fund ในการทำธุรกิจต่อ เป็นโอกาสที่ดีมากครับ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำต่อนะครับ ผมมองว่าถ้าเป็นคนอังกฤษหรือยุโรปที่ไม่มีปัญหาเรื่อง Visa กับ Work Permit ก็เป็นโอกาสที่ดีนะครับ ในฐานะนักเรียนต่างชาติอาจจะยากกว่าหน่อย จริง ๆ ตอนต้นเทอม 2 เขาก็มีช่วยเหลือเรื่อง Visa นะครับสำหรับเรื่องการทำธุรกิจ ทางมหาวิทยาลัยก็ support ตรงนี้ด้วย
ความรู้และประสบการณ์อะไรบ้างที่ได้มาจากการไปเรียน ที่คิดว่ามีประโยชน์ละได้ใช้กับการทำงานและได้งานมากที่สุด
- ผมว่าได้ใช้หมดเลยครับ ทั้งประสบการณ์นอกห้องเรียนและความรู้ทางวิชาการครับ แต่สิ่งแวดล้อม เพื่อนใน class ที่หลากหลายก็สำคัญในการเรียนด้วยครับ อย่างผมนี่ไปเรียนแล้วได้เพื่อนเพิ่ม ได้ Connection เพิ่มด้วยครับ ตอนนี้ที่จะทำธุรกิจ ก็ปรึกษาเพื่อน ๆ คนไทยที่เจอกันตอนเรียน Strathclyde นี่แหละครับ
แล้วมีความประทับใจอะไรเกี่ยวกับการไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้บ้างคะ
- Glasgow เป็นเมืองที่ค่อนข้างครบนะครับ ไม่เหงา ผู้คนเป็นมิตรดีครับ การเดินทางก็ง่าย ไปไหนมาไหนสะดวก เพราะมหาวิทยาลัยอยู่ใน City Centre แทบไม่เสียค่าเดินทางเลย ผมว่า save cost ตรงนี้ได้เยอะเลยครับ มีเสียค่า Uber บ้างถ้าไปอีกฝั่งของเมือง แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ไป hang out เท่าไหร่ครับ งานเยอะ (หัวเราะ) ในเรื่องของการใช้ชีวิตที่นี่ อีกอย่างหนึ่งคือ อยู่ที่นี่แทบไม่ต้องพกกระเป๋าสตางค์เลยครับ มีบัตรใบเดียวก็ใช้ได้ทั่ว UK เลย การขนส่งก็เร็วครับ สั่ง Amazon วันเดียวได้ของเลย ส่วนร้านอาหารก็มีค่อนข้างครบนะครับ จีน ไทย ญี่ปุ่น อิตาเลียนก็มีครับ
- ในส่วน Facilities ที่นี่ Gym ของที่ Strathclyde เพิ่งสร้างใหม่ครับ ดีมากเลย อุปกรณ์ใหม่ Staff ดูแลดีมาก แล้วก็ไม่แพง ประมาณ £150 ต่อเทอมครับ
- ผมว่าการจัดโครงสร้างหลักสูตรนี้ดีครับ เราได้เรียนทุกแขนงเลยว่าการเป็นผู้ประกอบการควรรู้อะไรบ้าง ข้อดีของคอร์สนี้คือมันไม่ได้ Academic ขนาดนั้น ตอน Project จบ เราไม่ต้องทำ Dissertation แต่ทำเป็น Business Plan ส่งไป แล้วทาง University of Strathclyde เขาทำงานร่วมกับธนาคาร Bank of Scotland ถ้าธุรกิจของเราดูไปต่อได้จริง ทางมหาวิทยาลัยหรือธนาคารจะมีเครือข่ายที่สนับสนุนให้ Business นี้เกิดขึ้นได้จริงได้ครับ
สิ่งที่คิดไว้ก่อนไป VS ความเป็นจริงที่ไปเจอ
- เรื่องการเรียน รู้สึกว่าการไปเรียน Business School ที่เมืองนอกเขาจะเป็นทางการกันรึเปล่า แต่งตัวใส่สูทมั้ย แต่พอเรียนไปเรื่อย ๆ ก็สบาย ๆ ใส่เสื้อยืดมาเรียนกันครับ
- ส่วนเรื่องอากาศ ไม่รู้ว่าปีที่ไปมันร้อนเป็นพิเศษมั้ย เลยรู้สึกว่าหนาวแป๊บเดียวเองครับ หิมะละลายเร็วมาก เพราะฉะนั้นแนะนำน้อง ๆ ถ้าเลือกหอที่มีแอร์ได้ก็ดีครับ ถ้าร้อนมันจะร้อนเลย
คิดว่าคอร์สนี้เหมาะกับใครคะ อยากให้ฝากถึงน้อง ๆ หน่อย
- ถ้าเคยทำงานหรือธุรกิจมาก่อน เวลาเรียนแล้วอาจารย์พูด case ขึ้นมาแล้วเราพอมีข้อมูลอยู่แล้ว จะทำให้มัน link กันได้ไวครับ หรือถ้าเรามีวิธีแก้ปัญหามาก่อนแล้วก็จะเอาไป apply ได้ง่าย ถ้ามีพื้นฐานมาแล้วมาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนก็จะมีประโยชน์มากกว่าครับ แล้วก็แนะนำว่าไม่ต้องเอาเสื้อผ้ามาเยอะ มาซื้อที่นี่เอาเพราะถูกครับ
สำหรับน้องๆที่สนใจเรียนต่อด้าน Entrepreneurial Management and Leadership หรือสมัครเรียนที่ University of Strathclyde สามารถลงทะเบียนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่างนี้เลยค่ะ"