Scottish Universities Alumni | Art

Scottish Universities Alumni
Thanatham Chatarchanai (Art)
MSc Marketing
University of Strathclyde
"รีวิวเรียนต่อ MSc Marketing ที่ University of Strathclyde"

1. แนะนำตัวคร่าว ๆ
Thanatham Chatarchanai (Art อาร์ต) - จบปริญญาตรีด้าน Banking and Finance จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโท MSc Marketing จาก University of Strathclyde ก่อนหน้านี้เคยทำงาน Digital Marketing ปัจจุบันทำงานด้านประชาสัมพันธ์

2. ตอนที่ไปเรียน ทำไมถึงเลือกคอร์สนี้และมหาวิทยาลัยนี้คะ
เคยมีลูกพี่ลูกน้องไปเรียนที่ University of Strathclyde มาครับ แล้วเมือง Glasgow ก็เป็นเมืองที่ปลอดภัย ผมว่าสาขา Marketing ของที่ University of Strathclyde มีชื่อเสียงดีครับ

3. ทำไมถึงเปลี่ยนสายจากแนว Banking and Finance มาเรียน Marketing คะ
Marketing เพราะอยากทำงานที่ใช้ creativity มากขึ้นครับ เพื่อนที่จบการตลาดมาก็แนะนำให้รีบเรียนครับ เพราะว่าสายงานที่เกี่ยวกับ marketing เขาจะพิจารณาที่คนอายุน้อยมากกว่าครับ การตลาดหลายอย่างมันเกี่ยวกับยุคสมัยนั้น ๆ ไป ถ้าสนใจทำการตลาดเกี่ยวกับคนรุ่นใหม่ คนที่อยู่ในช่วงอายุตรงนั้นก็น่าจะเข้าใจ กลุ่ม target นี้มากกว่าครับ ตอนนี้ baby boomer มีอิทธิพลต่อการตลาดปัจจุบันมาก แต่ต่อไปนี้การบริโภค online จะมากขึ้น ซึ่งคน gen Z จะคุ้นเคยกับการบริโภคแบบนี้แล้วครับ เหตุผลแบบ individual คืออยากใช้ความคิดในเชิงคิดวิเคราะห์มากกว่าใช้ความรู้เป็นหลักครับ แต่ไม่ใช่ว่า Finance ไม่มี creativity เลยนะครับ อย่างเวลาไปเจอลูกค้าก็ต้องคิดว่าเขาต้องการ financial instrument อะไรที่จะดำเนินธุรกิจได้ เพราะก่อนหน้านี้ผมก็ทำงาน Bank ครับผม

4. ชอบเรียนวิชาไหนบ้างคะ
1. วิชา Consumer Behaviour - เท้าความก่อนว่าผมมีงานอดิเรกเกี่ยวกับการเขียนครับ แต่บางทีงานเขียนนี้เข้าถึงผู้บริโภคยาก เลยทำให้ผมสนใจที่จะศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เลยชอบวิชานี้ครับ
2. วิชา International Services Marketing - ตอนเรียนจบใหม่ ๆ ผมไปทำงานเป็น cast member ที่ Walt Disney World เลยทำให้มีพื้นฐานด้านงาน service ด้วย พอเรามี background ที่เกี่ยวข้อง เราเลยสามารถยกตัวอย่างตอนทำ assignment ได้ดีครับ ทำให้ได้คะแนนดีพอสมควรเลยครับ
เพื่อน ๆ ใน class พอจะมี background ด้าน marketing มาก่อนมั้ยคะ หรือมี background ทางด้านไหนกันมาบ้าง
มีมาจากหลายสาขาเลยครับ อย่างคนที่จบวิศวะมาก็จะไปเรียน marketing ที่เกี่ยวข้องกับ engineering ครับ

5. การเรียนคอร์สนี้เป็นยังไงบ้างคะ วิชาส่วนใหญ่ทำเป็นงานกลุ่มหรืองานเดี่ยว
ตอนผมเรียนก็ปะปนกันไปนะครับ ทำงานเดี่ยวบ้างทำงานกลุ่มบ้าง ผมได้คุยกับรุ่นน้องปีที่แล้ว ก็บอกว่าหลักสูตรเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันครับ เช่นเรื่อง assignment หรือข้อสอบมีออกเป็นปรนัยมากขึ้นครับ

6. ตอนทำงานกลุ่มนี่จับกลุ่มกันยังไงบ้างคะ อาจารย์ช่วยดูให้หรือเราจับกับเพื่อนเอง
มีทั้งสองแบบเลยครับ บางวิชาอาจารย์ก็สุ่มให้ บางวิชาก็จับกลุ่มกับเพื่อนเองครับ อย่างตอนวิชา Marketing Works: Group Consultancy Project เป็นวิชาที่สำคัญมาก ที่ต้องคิด project และเจอลูกค้าจริง ๆ อันนี้จะเป็นเลือกกลุ่มกันเองครับ แต่ปีก่อนหน้าผม อาจารย์เลือกให้ครับ

7. เพื่อน ๆ ใน Class ส่วนใหญ่มาจากไหนกัน และใน class มีประมาณกี่คนคะ
ส่วนใหญ่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ครับ รองลงมาเป็นคนไต้หวัน ใน class ที่เป็นวิชา core หลักที่ต้องเจอกันทุกคนมีประมาณ 60 คนครับ พอเข้าเทอม 2 ที่เป็นวิชาเลือก ที่ชอบวิชาไหนก็ไปลงได้ อันนี้จำนวนก็จะเป็นไปตามวิชาที่คนสนใจครับ ผมสนใจเรื่อง Service กับ Consumer Behaviour ก็ลงเรียนวิชา Contemporary Consumers คนก็จะน้อยลงไปอีก ก็จะเรียนกับนักเรียนสาขา International Marketing ซึ่งเขาจะมีพื้นฐานเรื่อง Marketing มากกว่าเรา แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่ได้เห็นมุมมองอื่นเพิ่มครับ จริง ๆ วิชาเลือกเกือบทุกวิชาเลยครับที่จะได้เจอเพื่อนสาขาอื่น

8. สิ่งแวดล้อมบรรยากาศในการเรียนเป็นยังไงบ้างนะคะ สนิทกับเพื่อน ๆ ไหม
วิชา Marketing ต้อง discuss กันเยอะเพราะเกี่ยวกับ perspective ด้วย เลยมีการพูดคุยกันมากขึ้นครับ แล้วก็มีเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมด้วยครับ พฤติกรรมการบริโภคก็จะต่างกัน อย่างเวลาเรา discuss กันใน class คน western คนอังกฤษหรือคนยุโรป จะมีความเป็น individualism มากกว่า ในขณะที่คนจีนจะเป็นแนว collectivism ที่จะตามคนหมู่มาก บางทีก็อาจจะไม่เข้าใจ idea ตรงนี้กันครับ ผมว่าน่าสนใจ ก็ถือว่ามีทั้งแง่ดีแง่ลบครับ มีเพื่อนคนจีนที่พยายามเสนอหัวข้อ dissertation แต่โดนปัดตกมาเพราะอาจารย์ไม่ได้มีมุมมองนี้เหมือนกันครับ

9. อาจารย์แต่ละท่านเป็นยังไงบ้างคะ ตัดเกรดโหดมั้ย อาจารย์ Support หรือเข้าหาง่ายมั้ย
อาจารย์ยินดีตอบคำถามใน class ครับ ถ้ามีปัญหาก็นัดคุยกับอาจารย์ใน office hours ของอาจารย์ได้เหมือนกัน ผมว่าปัญหาที่เป็นเหมือนกันหมดช่วงแรกจะเป็นเรื่องสำเนียงครับ อาจจะเป็นความลำบากในการปรับตัวช่วงแรก เรื่องตัดเกรดก็แล้วแต่คนเลยครับ อาจจะต้องฟังรุ่นพี่ไว้หน่อย ว่าอาจารย์แต่ละคนดุหรือเข้มงวดขนาดไหน

10. Project วิชา Marketing Works ที่อยู่ในเทอมสอง มีลักษณะการทำงานเป็นยังไงบ้างคะ แล้วมี criteria การคิดคะแนนยังไงบ้าง
ทำตอนเทอมสองครับ ทำคู่กันไปกับ dissertation ซึ่งงานนี้ก็ให้จับกลุ่มกันครับ มี 7 คน ถ้าเป็นไปได้ก็แนะนำว่าให้ในกลุ่มมีชาวยุโรปอยู่ด้วยครับ เพราะ clients ส่วนใหญ่ก็เป็นคนในพื้นที่ครับ ถ้าเกิดจับกลุ่มกับคนเอเชียล้วน อาจจะมีปัญหาเรื่อง cultural barrier ที่ทำให้ idea ไม่เข้าใจกันกับลูกค้าครับ ส่วน process การทำงานก็จะมี meeting กับลูกค้าเพื่อดูว่าเขาต้องการอะไร จริง ๆ มี proposal มาอยู่แล้วที่ทางอาจารย์ที่ปรึกษานำมาให้ว่า objective ของลูกค้าคืออะไร แล้วเอาไป confirm กับลูกค้าอีกทีนึงว่า demand ของ industry หรือ business ของเขาเป็นยังไง ตัวหัวข้อกับ clients อาจารย์เขาจะเลือกมาให้เลยครับ ตอนแรกที่คิดแผนงานคร่าว ๆ จะมีให้ presentation ก่อนครับ คิดเป็น 20% ครับ หลังจากนั้นก็เอา idea ที่คิดไว้มาทำเป็น report สมบูรณ์ เช่นเขียน literature review, methodology ผลการ analyse เป็นยังไง ทั้งหมดตรงนี้คิดเป็น 70% ครับ อีก 10% ประเมินเกี่ยวกับเพื่อนในกลุ่ม พอทำงานร่วมกันหลายคนอาจจะทำให้มีปัญหากันได้ เลยมีการให้ประเมินว่าการทำงานกลุ่มเป็นยังไงกันบ้างครับ

11. การที่ต้องปรึกษากับลูกค้า เราได้ไปติดต่อกับลูกค้าโดยตรงที่บริษัทเลยมั้ยคะ หรือขอข้อมูลลูกค้ามาใช้ในการทำงานอย่างเดียวหรือเปล่า
เราได้เข้าพบลูกค้าโดยตรงเลยครับ อาจารย์ก็มี option ให้ว่าอยากเข้าไปพบมั้ย ที่ผมทำจะเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าเกิดไม่ไปดูเองก็จะไม่รู้ครับว่าลูกค้ามี turnover เท่าไหร่ มีกิจกรรม มีพื้นที่จริงมีขนาดเท่าไหร่ครับ

12. ในส่วน Dissertation ยากไหมคะ ต้องเขียนกี่ Word มี process การทำยังไงบ้างคะ
ช่วงเทอมสองจะเริ่มเขียน proposal ไว้ก่อนครับ เตรียมพวก methodology, literature review ในระดับนึงแล้ว พอเข้าเทอมสามก็จะ develop ให้สมบูรณ์ ตรงนี้ก็จะขึ้นอยู่กับอาจารย์ supervisor เราด้วยครับ อาจารย์ผมให้ทำเป็น step ไปเรื่อย ๆ ครับ เริ่มทำ introduction เสร็จก็ไปทำ literature review ต่อด้วย methodology เข้าไปส่วนของการ analyse แล้วก็ recommendation กับ conclusion ครับ แต่ของบางคนก็คือเจออาจารย์แค่ครั้งเดียว แล้วเจออีกทีก็คือส่ง final เลยครับ แต่เท่าที่ได้ยินมาปีล่าสุดนี้ไม่มี supervisor แล้วนะครับ อาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้ พอเสนอ proposal เสร็จ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเราเลย แล้วก็ทำ report ส่งครับ ส่วนอาจารย์ที่ปรึกษาผมให้เข้าไปพบได้ 5 ครั้งครับ ให้เรา manage เองว่าแต่ละรอบเราจะคุยเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งตอนนั้นทำเป็นงานเดี่ยวครับ เขียนทั้งหมด 15,000 คำ

13. มหาวิทยาลัยมี Service ช่วยดูหรือหาที่ฝึกงาน หรือทำ project กับบริษัทไหมคะที่นอกเหนือจากตอนทำ project วิชา Marketing Works
ในเรื่องการทำงาน นักเรียนส่วนใหญ่ก็ทำงานเป็น part-time กันแต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับ marketing โดยตรงนะครับ ตอนที่เรียนจบแล้วมีเพื่อนบางคนก็ได้รับข้อเสนอจากทาง clients ที่ทำงานด้วยตอนวิชา Marketing Works ครับ ซึ่งน่าจะเป็นกรณีของนักเรียนยุโรปครับ เพราะนักเรียนเอเชียจะติดปัญหาเรื่อง visa การทำงานครับ แต่ก็มีศูนย์ support เรื่องการทำงานให้ด้วยครับ แต่พอ assignment เยอะก็เลยไม่ได้มีเวลาไปศึกษาเพิ่มเรื่องการทำงานต่อครับ

14. ความรู้และประสบการณ์ที่ได้มาจากการไปเรียน คิดว่ามีประโยชน์และได้ใช้กับการทำงานได้มากน้อยแค่ไหนคะ
background เกี่ยวกับการตลาดมากขึ้น เข้าใจมากขึ้นครับ ที่ผมชอบมากก็คือตอนทำ assignment ครับ ถึงเราจะเรียน marketing กว้าง ๆ ก็จริง แต่เราสามารถ focus ที่ industry ไหนก็ได้ที่เราสนใจ ผมศึกษาเกี่ยวกับ content marketing ครับ รู้สึกว่ามีประโยชน์กับงานอดิเรกของผมด้วย แต่ถ้าประโยชน์กับตัวงานจริง ๆ อาจจะตอบได้ยากครับ เพราะอย่างตอนทำ digital marketing ก็ออกแนว page admin หรือ website มากกว่าครับ

15. ในแง่ของคอร์สเรียน คิดว่า course structure ของสาขานี้เป็นยังไงบ้างคะ และมีวิชาเลือกที่เพียงพอให้กับนักเรียนมั้ย มีวิชาไหนที่อยากแนะนำน้อง ๆ มั้ยคะ
คอร์สเรียนก็โอเคครับ วิชาเลือกก็มีหลากหลาย แต่บางที schedule การเรียนมันชนกันครับ สาขา Marketing จะมีวิชา Sector Studies ครับที่ให้นักเรียนไปดูสถานที่จริง ๆ คือที่สเปน เพื่อดูการตลาดของการเกษตร กับไปอิตาลีเพื่อดู high fashion product ครับ ถ้าจะเรียนวิชานี้ก็จะต้องไปเรียนวิชานี้อย่างเดียวเลย 1 สัปดาห์ อาจทำให้ต้องขาดเรียนวิชาอื่นไปครับ ถ้าวิชาอื่นที่ลงเรียน เริ่มเรียนช้ากว่าก็โชคดีไปครับ แต่ของผมเวลามันชนกันครับ ส่วนวิชาที่คนสนใจเยอะจะเป็นวิชา International Services Marketing ที่คนลงเรียนเยอะ แต่เขาก็รับทั้งหมดครับ วิชาที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์และน่าลงเรียนก็คือ B2B Marketing ครับ ถ้าเกิดเรามี background หรือการทำงานแนว business มาก่อนจะทำให้การ apply งานมีประโยชน์ครับ ยิ่งเรามาสายนี้ ก็มีโอกาสทำเกี่ยวกับ agency โฆษณาที่ได้ทำงานกับธุรกิจอื่น ๆ ก็น่าจะมีประโยชน์ครับ

16. มีความประทับใจอะไรเกี่ยวกับการไปเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้บ้างคะ
เมืองนี้เป็นเมืองที่สงบสุขดีครับ คนก็ต้อนรับชาวต่างชาติหรือคนเอเชียพอสมควร ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนเหยียดครับ ค่อนข้าง nice เลยครับ แต่จะต้องพยายามฟังสำเนียงนิดนึง ผมรู้สึกโชคดีที่ตัดสินใจไปเรียน Pre-sessional English 1 เดือนก่อนเริ่มเรียนครับ ทำให้ระหว่างที่เรียนภาษาไปก็ได้โอกาสปรับตัวและเดินดูสถานที่ครับ แนะนำว่าถ้ายังมีคอร์ส Pre-sessional ที่ให้เรียนฟรีอยู่ก็ควรเรียนเพราะจะช่วย balance หลาย ๆ อย่างครับ รู้สึกว่า facilities เพรียบพร้อมดีครับ แต่เรื่องสุขภาพหรือป่วยหนักอาจจะลำบากหน่อยเพราะการนัดหมอจะยากนิดนึงครับ

17. สิ่งที่คิดไว้ก่อนไปกับสิ่งที่ได้ไปเจอจริง ๆ แตกต่างกันมั้ยคะ
ผมไม่ค่อยได้ตั้ง expectation ไว้เท่าไหร่ เพราะอยากไปสัมผัสเองมากกว่าครับ แต่ก็มีคิดถึงเรื่องความปลอดภัยไว้บ้าง ซึ่งพอไปที่นู่นแล้วก็รู้สึกว่าโอเคเลยครับ

18. คิดว่าคอร์สนี้เหมาะกับใครคะ อยากให้ฝากถึงน้อง ๆ หน่อย
สาขา Marketing ต้องอ่าน paper เยอะ น่าจะต้องเป็นคนที่อ่านเก่งและอ่านได้ไวครับ ถ้ามี background มาก็ดีครับสาขานี้ไม่ได้ expect ว่าเราจะต้องมีความรู้ marketing มาก่อน ที่อยากให้เตรียมตัวมาจะเป็นเรื่องการอ่านการเขียนครับ แล้วก็อยากแนะนำว่าให้ผูกมิตรกับคนยุโรปไว้ก็ดีครับ เพราะ context ต่าง ๆ ที่เราเรียนส่วนใหญ่เป็นของแถบยุโรป ซึ่งอาจทำให้เราไม่เข้าใจในเรื่องวัฒนธรรมที่ต่างกันครับ ตอนนั้นผมทำงานเรื่อง Consumer Behaviour และได้จับกลุ่มกับคน Scottish ด้วย ทำให้รู้ว่าเราควรปรับเนื้อหาอะไรให้เข้ากับ context และวัฒนธรรมครับ การเลือกจับกลุ่มกับคนในชาติก็เป็นเรื่องการ support ด้านจิตใจครับ มีคนที่พูดภาษาเดียวกับเราก็สบายใจครับ แต่ก็ต้องหาคนชาติอื่นด้วยก็จะมีประโยชน์นะครับ
ผมว่าคนไทยมีความรับผิดชอบอยู่แล้วครับ เรื่องการจัดการเวลาก็ให้ทำให้ดี เพราะบางทีก็เครียดครับ แล้วก็ผมคิดว่าถ้าสนใจในเรื่องไหนก็ควรไปเรียนเลย ไม่ต้องกังวลว่าอาจารย์จะเป็นยังไง เพราะอาจจะทำให้เราเสียโอกาสครับ ขอฝากอีกประเด็นนึงครับ ที่บอกว่าอยากให้พยายามเข้าใจเรื่องภาษาให้มากเพราะถ้าอยากได้ qualitative data คือจะเน้นการสัมภาษณ์ครับ ถ้าจะต้องคุยกับคนในพื้นที่ ก็ยิ่งต้องทำความเข้าใจภาษาและสำเนียงของเขาให้ได้ครับ บางทีก็มีคำศัพท์เฉพาะที่มีแค่คน Scottish หรือ Welsh เท่านั้นที่จะพูด ก็ต้องทำการบ้านไว้ด้วย ไม่อย่างงั้นตอนถอดคลิปออกมาเพื่อ analyse ข้อมูลอาจจะมีปัญหาได้ครับ
 "

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

CAPTCHA security code
*แมคดูเคชั่น สถาบันส่งเสริมการศึกษาต่อสก็อตแลนด์
ก่อตั้งขึ้นโดยศิษย์เก่าสก็อตแลนด์ และเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของมหาวิทยาลัยสก็อตแลนด์ทุกแห่ง ที่เดียวในประเทศไทย แมคดูเคชั่นมีทีมที่ปรึกษาที่เป็นศิษย์เก่าและอดีตเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยต่างๆในสก็อตแลนด์ ได้รับความสนับสนุนทางการเงินโดยตรงจากมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาครัฐ นักเรียนสามารถขอรับคำแนะนำจาก McDucation โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในทุกขั้นตอน